วอนขอความเป็นธรรม.. ลุง 54 ปีบุรีรัมย์ถูกดำเนินคดีจำคุกรุกที่สาธารณะ แต่นายทุน-อีกกว่า 50 ราย ไม่โดน (ชมคลิป)
Source - MGR Online (Th)
Tuesday, June 20, 2017 21:25
33778 XTHAI XGEN V%WIREL P%ASMO
กรุงเทพฯ--20 มิ.ย.--ASTVผู้จัดการออนไลน์
บุรีรัมย์ - ลุงวัย 54 ปี ชาวบุรีรัมย์วอนขอความเป็นธรรม หลังถูกดำเนินคดีบุกรุกที่สาธารณะทำการเกษตร ศาลสั่งจำคุก 6 เดือน ปรับ 5,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี แต่นายทุนและราษฎรอีกกว่า 50 ราย เข้าปลูกสร้างที่อยู่อาศัย ครอบครองให้เช่าและทำธุรกิจ อุตสาหกรรม กลับไม่แจ้งดำเนินคดี ขณะนายอำเภอแจง มาใหม่ยังไม่ได้รับเรื่องร้อง เพียงร้องให้ตรวจสอบก่อสร้างโรงปูน เท่านั้น
วันนี้ (20 มิ.ย.) นายอุดม ชำนิพันธ์ อายุ 54 ปี ชาวบ้านโคกยาง ต.ชำนิ อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ ได้นำหลักฐานที่ดินสาธารณะประโยชน์ หนองกวางงอย ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 2,000 ไร่ ครอบคลุม ต.ชำนิ และ ต.บ้านสิงห์ พร้อมหลักฐานคำพิพากษาศาล ออกมาร้องขอความเป็นธรรม หลังจากตัวเอง พร้อมกับชาวบ้านในหมู่บ้านอีก 2 คน รวม 3 คน ถูกทางเทศบาลตำบลชำนิ แจ้งความกล่าวหาว่าบุกรุกที่สาธารณะประโยชน์หนองกวางงอย ทำการเกษตรเพาะปลูกพืชไร่ เมื่อปี2556
กระทั่ง นายอุดม ได้ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี ส่วนราษฎรอีก 2 คน ถูกสั่งจำคุกเช่นเดียวกันแต่ไม่รอลงอาญา แต่ผู้ประกอบการ และราษฎรอีกกว่า 50 ครัวเรือน ที่ก่อสร้างที่อยู่อาศัย ทำการเกษตร และประกอบธุรกิจอุตสาหกรรม ในที่สาธารณะแปลงเดียวกันกลับไม่ถูกแจ้งความเอาผิด ซึ่งถือเป็นการเลือกปฏิบัติ จึงอยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
นายอุดม ชำนิพันธ์ บอกว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นส่วนตัวคิดว่าการกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่เป็นการเลือกปฏิบัติ เพราะหากจะเอาผิดกับผู้บุกรุกครอบครองที่สาธารณะ ก็ต้องดำเนินการเอาผิดกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน โดยตนและชาวบ้านทั้ง 3 คนเพียงครอบครองเพื่อทำการเกษตรเท่านั้น แต่มีบางรายบุกรุกครอบครองให้เช่า และทำธุรกิจกลับไม่ถูกดำเนินคดี จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการให้เป็นมาตรการเดียวกัน
ด้าน นายสุทธิพร ณ นคร นายอำเภอชำนิ กล่าวว่า จนเพิ่งย้ายมาดำรงตำแหน่งนายอำเภอชำนิ เมื่อเดือน พ.ย. 2559 ที่ผ่านมา แต่เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2556 แล้วแต่จากการสอบถามข้อมูลจากทางเทศบาล ทราบว่าพื้นที่ป่าสาธารณะดังกล่าวมีอยู่กว่า 2,000 ไร่ และมีราษฎรเข้าไปครอบครองปลูกสร้างที่อยู่อาศัย และทำการเกษตรอยู่กว่า 50 ครัวเรือนจริง เนื่องจากไม่มีที่อยู่อาศัยและที่ทำกินเป็นของตัวเอง
ส่วนกรณีที่มีราษฎรบางรายถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหาบุกรุกที่สาธารณะนั้น จะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง แต่ขณะนี้ยังไม่มีร้องเรียนมายังทางอำเภอเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว เพียงมีการร้องเรียนให้ตรวจสอบเกี่ยวกับโรงปูนที่ทำการก่อสร้างในที่สาธารณะและสร้างมลภาวะเท่านั้น ซึ่งทางอำเภอได้ประสานอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบตามที่มีการร้องเรียนแล้ว และได้ดำเนินการเอาผิดกับโรงปูนดังกล่าวแล้ว--จบ--