แนะรัฐเปิดข้อมูลราชการมากขึ้น เพิ่มความโปร่งใส
Source - เว็บไซต์เดลินิวส์ (Th)
Friday, November 17, 2017 14:46
31798 XTHAI XPOL POL V%NETNEWS P%WDN
เมื่อวันที่ 17 พ.ย. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) จัดกิจกรรมวันสถาปนาสำนักงาน ป.ป.ช. ครบรอบ 18 ปี โดยภายในงานมีการเสวนาหัวข้อ สะอาด โปร่งใส ภาครัฐร่วมใจ สู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยนางเมธินี เทพมณี เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) กล่าวว่า เรื่องสำคัญที่จะทำให้การทำงานของภาครัฐมีความสะอาด โปร่งใส คือการเปิดเผยข้อมูลทางราชการของหน่วยงานนั้นๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและตรวจสอบได้ ซึ่งในปัจจุบันพบว่าหน่วยงานรัฐที่มีการเปิดเผยข้อมูลทางราชการสูงสุดคือกระทรวงพาณิชย์ โดยเป็นข้อมูลเรื่องการจัดแจ้งบริษัทการค้า แต่ข้าราชการจะต้องคำนึงว่าในการเปิดเผยข้อมูลที่ว่านี้ จะต้องเป็นข้อมูลที่สมบูรณ์ ไม่มีกั๊ก เป็นข้อมูลจริงที่ครบถ้วนถูกต้อง และเปิดเผยได้อย่างทันเวลา จึงจะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์และเกิดการตรวจสอบอย่างแท้จริง ซึ่งแต่ละหน่วยงานก็ต้องไปดูรายละเอียดว่าข้อมูลใดที่เปิดเผยได้และข้อมูลใดที่จะต้องปกปิด นอกจากนั้นประชาชนต้องไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆในการเข้าถึงข้อมูลทางราชการ รวมทั้งต้องมีความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูล สามารถใช้สมาร์ทโฟนดูได้ นอกจากการเปิดเผยข้อมูลทางราชการแล้วการปรับตัวของข้าราชการก็มีส่วนสำคัญ ทั้งการบูรณาการในเรื่องดิจิตอลมากขึ้น การสร้างข้าราชการ 4.0 ที่ทำงานในระบบดิจิตอลมากขึ้น มีความพร้อมตลอดโดยอาศัยช่องทางการสื่อสารในระบบดิจิตอลในการทำงาน ซึ่งขณะนี้ ก.พ.เองกำลังดำเนินการให้เกิดข้าราชการ 4.0 โดยในเบื้องต้นตั้งเป้าข้าราชการจำนวน 40,000 ราย โดยแบ่งเป็นหัวหน้าส่วนราชการ 30 เปอร์เซ็นต์ ผู้บริหารระดับกลางในหน่วยงานต่างๆ 30 เปอร์เซ็นต์ และข้าราชการระดับล่างอีก 40 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในทุกวันนี้เครือข่ายประชาชนเริ่มมีความเข้มแข็งมากขึ้น โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือศูนย์ดำรงธรรมประจำจังหวัด ที่ประชาชนเข้ามาสะท้อนปัญหาด้านต่างๆ ในพื้นที่ ซึ่งตนมองว่าการสร้างวัฒนธรรมการร้องเรียน สร้างวัฒนธรรมการตรวจสอบของประชาชน ทั้งการตรวจสอบข้าราชการ หรือตรวจสอบประชาชนด้วยกันเอง จะเป็นจุดเริ่มต้นของการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบในอนาคต อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าหากการตรวจสอบของภาคประชาชนมีความเข้มแข็งมากขึ้น ก็จะกลายเป็นแรงบีบให้ข้าราชการจะต้องเปลี่ยนแปลงการทำงาน แต่หากการตรวจสอบของประชาชนไม่เข้าแข็ง การเปลี่ยนแปลงโดยตัวของข้าราชการเองคงจะเกิดขึ้นได้ยาก อย่างไรก็ตามมองว่าข้าราชการจะต้องมีการบูรณาการการทำงานให้มากขึ้น อย่างยึดติดรูปแบบ ควรเข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด
ด้านพล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กล่าวว่า การทุจริตในวงราชการถือเป็นปัญหาใหญ่ ที่เป็นเหมือนกาฝากของประเทศ เพราะเคยมีรายงานจาก สตง.ว่าในบางปีมีงบประมาณแผ่นดินรั่วไหลถึง 1 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณทั้งหมด ซึ่งคิดเป็นเงินหลายหมื่นล้านบาท สาเหตุหลักของการร่วมไหลก็คือข้าราชการ หากเราสามารถแก้ปัญหาเรื่องการทุจริตในวงข้าราชการลงได้ ไม่มีเงินงบประมาณรั่วไหล ก็จะมีเงินมากพอที่จะทำโครงการรถไฟความเร็วสูงโดยไม่จำเป็นต้องกู้เงินเลย ทั้งนี้ทางคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เล็งเห็นว่าปัญหาการทุจริตในวงราชการมีสาเหตุจากผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ส่วนรวมที่ทับซ้อนกัน ที่ผ่านมาจึงมีการเขียนมาตรการป้องกันเรื่องนี้ไว้ทั้งในรัฐธรรมนูญปี 2535 และกฎหมาย ป.ป.ช.ด้วย แต่ที่ผ่านมาการบังคับใช้ยังไม่เคร่งครัด เพราหากพูดกันตามตรงแล้ว ความผิดในมาตรา 103 ของกฎหมาย ป.ป.ช.เรื่องการรับทรัพย์สิน ก็ทำให้ผู้บริหารเกือบทุกหน่วยงานมีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 157 แล้ว อย่างไรก็ตามในครั้งนี้มีการทำกฎหมายให้ครอบคลุมเรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ คือ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ
ที่กำลังดำเนินการอยู่.
ที่มา: http://www.dailynews.co.th