ขึ้นทะเบียนไกล่เกลี่ยเพิ่ม50คน คปภ.เผยเตรียมรับมือจำนวนข้อพิพาทด้านประกันภัย
Source - ไทยโพสต์ (Th)
Thursday, May 24, 2018 02:54
61505 XTHAI XECON XFINMKT XBANK XCORP XINSURE DAS V%PAPERL P%TPD
ไทยโพสต์ * คปภ.เดินหน้ารับมือจำนวนข้อพิพาทด้านประกันภัย ขึ้นทะเบียนผู้ไกล่เกลี่ยรุ่นที่สองเพิ่มเป็น 50 คน
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า สำนักงาน คปภ. เตรียมความพร้อมสำหรับผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านประกันภัย เพื่อรองรับการที่ประกันภัยเข้ามามีบทบาทต่อเศรษฐกิจของไทยอย่างต่อเนื่อง และเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยงของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ โดยปี 2561 ได้มีการขึ้นทะเบียนรายชื่อผู้ชำนาญการ (บุคคลภายนอก) เพื่อทำหน้าที่ผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านประกันภัย จำนวน 50 ราย เพิ่มจากปีก่อนหน้านี้ที่มีรายชื่อผู้ไกล่เกลี่ยขึ้นทะเบียนไว้จำนวน 40 ราย
"การอบรมที่จัดขึ้นนี้จะต่อยอดความรู้ด้านประกันภัยและพัฒนาการด้านประกันภัยให้ผู้ไกล่เกลี่ย เพื่อพร้อมรับมือกับข้อพิพาทด้านการประกันภัยประเภทต่างๆ ให้เกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น" นายสุทธิพลกล่าว
นายสุทธิพลกล่าวว่า การดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ในปีที่ผ่านมาพบมีข้อพิพาทเกี่ยวกับประกันวินาศภัยที่ร้องเรียนเข้ามามากที่สุด คือ ข้อพิพาทเรื่องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ ซึ่งคิดเป็นจำนวนมากกว่า 80% ของเรื่องร้องเรียนทั้งหมดที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย รองลงมาเป็นข้อพิพาทเรื่องค่าซ่อมรถ และค่าสินไหมทดแทนกรณีบาดเจ็บ สำหรับข้อพิพาทเกี่ยวกับประกันชีวิตที่มีการร้องเรียนเข้ามามากที่สุดคือ การบอกล้างสัญญาประกันชีวิต รองลงมาคือ การเรียกร้องเงินผลประโยชน์ตามเอกสารเสนอขายซึ่งแตกต่างจากเงื่อนไขตามกรมธรรม์
อย่างไรก็ตาม คปภ.ได้ให้ข้อแนะนำแก่ผู้ไกล่เกลี่ยใหม่ว่า การทำหน้าที่ของผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในแต่ละครั้งนั้น ข้อร้องเรียนบางกรณีอาจมีประเด็นข้อพิพาทที่ค่อนข้างซับซ้อน มีรายละเอียดค่อนข้างมาก และเกี่ยวข้องกับประเด็นข้อกฎหมาย ดังนั้นผู้
ไกล่เกลี่ยจึงต้องเตรียมความพร้อมสำหรับการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ศึกษาประเด็นที่เป็นข้อพิพาทของเรื่องร้องเรียน รวมทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีความพร้อมสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ผู้ไกล่เกลี่ยในวันที่นัดหมายไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เพื่อให้สามารถดำเนินกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ผู้ไกล่เกลี่ยจำเป็นต้องพัฒนาความรู้ให้ทันต่อพัฒนาการและกติกาต่างๆ ด้านประกันภัยที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้สิ่งสำคัญในการทำหน้าที่ผู้ไกล่เกลี่ยคือ การปฏิบัติตนให้เป็นกลาง มีความซื่อสัตย์สุจริต และให้ความเป็นธรรมแก่คู่กรณีทั้งสองฝ่าย จะต้องไม่มีฝ่ายใดรู้สึกถึงความไม่เป็นกลางหรือเกิดความไม่พึงพอใจ และไม่ควรชี้นำหรือโน้มน้าวคู่กรณีให้เร่งรัดตัดสินใจเพื่อยุติข้อพิพาท โดยจะต้องเปิดโอกาสให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายเจรจา พูดคุย และตัดสินใจ เพื่อหาข้อยุติประเด็นพิพาทร่วมกันอีกด้วย.--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์