คอลัมน์: สังคมโลก: กำจัดไขมันทรานส์
Source - เดลินิวส์ (Th)

Thursday, May 17, 2018  05:43
41415 XTHAI XINTER MIDD DAS V%PAPERL P%DND

          เลนซ์ซูม

          องค์การอนามัยโลก (ฮู) ได้ประกาศแผนยุทธศาสตร์เพื่อช่วยเหลือประเทศต่าง ๆ ในการกำจัดไขมันทรานส์หรือไขมันไม่อิ่มตัว ให้หมดไปจากกระบวนการหรือห่วงโซ่อาหารของโลกในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้หน่วยงานของสหประชาชาติได้ผลักดันเพื่อหาทางกำจัดโรคติดเชื้อ แต่ขณะนี้เปลี่ยนแนวทางมากำจัดอันตรายที่เกี่ยวข้องกับโรคร้าย
          ฮูระบุว่าการกำจัดไขมันทรานส์นั้นสำคัญยิ่งเพราะสามารถสกัดกั้นการเสียชีวิตได้ทั่วโลก โดยประเมินว่าไขมันทรานส์นั้นพบได้ในอาหารที่ผ่านการอบหรือกระบวนการ  ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตจากโรคหัวใจปีละ 500,000 คน แสดงว่า ไขมันทรานส์นั้นไม่มีประโยชน์แต่อย่างใดต่อผู้บริโภค ทำให้เพิ่มอัตราเสี่ยงของโรคหัวใจร้อยละ 21 และความเสี่ยงของการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 28
          นายทีโดรส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกแถลงที่นครเจนีวาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ถือเป็นระดับวิกฤติและเป้าหมายสำคัญที่จะต้องดำเนินการให้ได้ แล้วทำไมปล่อยให้ลูกหลานของเราต้องมาบริโภคส่วนประกอบของอาหารที่ไม่ปลอดภัยเช่นนี้
          เจ้าหน้าที่ประเมินว่าต้องกำจัดในอีก 5 ปีข้างหน้าเพราะขณะนี้แนวทางกำลังไปได้ด้วยดีในหลายประเทศ เช่น เดนมาร์ก ทำมาแล้วเมื่อ 15 ปีก่อน จากนั้นก็เป็นสหรัฐอเมริกาและอีก 40 ประเทศที่มีรายได้สูงกำลังหาทางที่จะกำจัดไขมันทรานส์ออกไปจากห่วงโซ่อาหาร
          ดังนั้นองค์การอนามัยโลกจึงหันมาเดินหน้าในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ระดับปานกลางและต่ำให้หันมาร่วมต่อสู้และรณรงค์ต่อต้านไขมันทรานส์ จากการเปิดเผยของ ดร. ฟรานเซสโก บรังกา ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการเพื่อสุขภาพและการพัฒนา
          ไขมันทรานส์เทียมก็เป็นส่วนประกอบอาหารที่ไม่มีประโยชน์เช่นกัน เพราะไฮโดรเจนลงไปในน้ำมันพืชเพื่อให้แข็งตัว เหมือนกับการทำมาร์การีน ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขอนามัยบอกว่าควรจะหันมาใช้น้ำมันคาโนลาและอื่น ๆ มากกว่า นอกจากนั้นยังจะมีไขมันทรานส์ในธรรมชาติของเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากนม
          ฮูแนะนำว่าคนทั่วไปควรบริโภคอาหารที่ให้แคลอรีจากไขมันทรานส์ไม่เกินร้อยละ 1 เท่านั้น ไขมันทรานส์เป็นส่วนประกอบที่เป็นอันตราย แต่สามารถเลิกใช้ได้ง่ายโดยไม่สูญเสียอะไรและส่งผลกระทบต่อคุณภาพของอาหารอีกด้วย คือเลิกได้ง่ายมาก ไม่ยุ่งยากอะไร
          ประเทศต่าง ๆ จะต้องใช้กฎระเบียบหรือกฎหมายเพื่อให้ผู้ผลิตอาหารปรับเปลี่ยนการใช้ส่วนประกอบอาหารคือ ยกเลิกการใช้ไขมันทรานส์ ซึ่งระหว่างแถลงข่าวตัวแทนจากกลุ่มบริษัทผู้ผลิตอาหารก็บอกว่ากำลังหาทางที่จะลดไขมันทรานส์ในผลผลิตของตัวเอง
          ดร.ทอม ไฟรเดน อดีตผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐซึ่งได้ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ฮูในเรื่องนี้บอกว่า การเคลื่อนไหวเพื่อกำจัดไขมันทรานส์เป็นเรื่องที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เพราะโลกรู้แล้วว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้คนตายโดยเฉพาะโรคหัวใจที่คร่าชีวิตผู้คนมากกว่าโรคอื่น ๆ ในเกือบจะทุกประเทศ
          ไขมันทรานส์ในอาหารเริ่มรู้จักครั้งแรกในสหรัฐก็มาจากอาหารกระป๋องยี่ห้อหนึ่งในปี ค.ศ. 1911 จากนั้นก็เริ่มเป็นที่นิยมขึ้นในยุค 1950 ส่วนหนึ่งเพราะผู้เชี่ยวชาญในขณะนั้นคิดว่ามีคุณค่าทางอาหารหากปรุงอาหารด้วยไขมันทรานส์แทนที่จะใช้เนยหรือมันหมู
          ผู้ผลิตอาหารนิยมใช้ไขมันทรานส์เทียมเพราะมีวันหมดอายุได้นานขึ้น นิยมใช้ในอาหารประเภทโดนัท คุกกี้ และของทอด แต่ผลการวิจัยทำให้ได้เรียนรู้ทีละน้อยว่า ไขมันทรานส์ทำลายระดับของคอเลสเตอรอลในเลือดและกระตุ้นความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจ ผู้เชี่ยวชาญบอกอีกว่าไขมันทรานส์อันตรายที่สุดในห่วงโซ่อาหาร
          ในสหรัฐที่นครนิวยอร์กสั่งห้ามในปีค.ศ.2006 ห้ามร้านอาหารเสิร์ฟอาหารที่ทำจากไขมันทรานส์ และในปีเดียวกันนี้ องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกากำหนดให้บริษัทผู้ผลิตอาหารแจงรายละเอียดของไขมันทรานส์ในตราเครื่องหมายของอาหารด้วย.
--จบ--

          --เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 18 พ.ค. 2561 (กรอบบ่าย)--