อย.แนะเปลี่ยนยาความดันรพ.ที่มีสิทธิ์-ไม่เสียเงินเพิ่ม
Source - แนวหน้า (Th)

Monday, July 16, 2018  08:13
47736 XTHAI XOTHER XFRONT XPOL XGEN DAS V%PAPERL P%NND

          "อย." เรียกดูข้อเท็จจริง 2 บริษัท กรณี "ยาความดัน" ก่อมะเร็ง ชี้หากก่อโรคจริง-พิสูจน์ได้ ประชาชนฟ้องร้อง ได้โดยตรง เตือนอย่าหยุดยาเองหวั่นโรคกำเริบ แนะนำ ยาไปเปลี่ยนที่รพ. ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
          เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม นพ.วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงความคืบหน้าการเรียกเก็บ คืนผลิตภัณฑ์ยาวาลซาร์แทน(Valsartan) ซึ่งเป็น กลุ่มยาความดันโลหิต ใน 22 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ว่า กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก พบสารก่อมะเร็งในวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตยา โดยบริษัท Zhejiang Huahai Pharmaceuticals ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบวาลซาร์แทน (Valsartan) ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ออกมายอมรับ ถึงความผิดพลาดดังกล่าวว่า เกิดจากการเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตวัตถุดิบนั้น ทั้งนี้ ในประเทศไทย มีบริษัทผู้รับอนุญาตผลิต/นำหรือสั่งยาวาลซาร์แทนเข้ามาในราชอาณาจักร จำนวน 7 บริษัท และมีทะเบียนตำรับยาที่ ได้รับอนุญาตให้จำหน่าย ทั้งสิ้น 14 ตำรับ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีบริษัทผู้รับอนุญาตที่ใช้วัตถุดิบจาก Zhejiang Huahai Pharmaceuticals เพียง 2 ราย ได้แก่ บริษัทสีลมการแพทย์ จำกัดและบริษัทยูนีซัน จำกัด ซึ่งมีเลขทะเบียนตำรับ รวม 5 ตำรับ
          นพ.วันชัยกล่าวต่อว่า ปัญหาคือ เมื่อบริษัทผู้ผลิตได้ซื้อเคมีจากจีนทราบเรื่อง ดังกล่าว ก็รีบแจ้งทาง อย.และให้เรียกเก็บทันที ส่วน อย.จะดำเนินการอย่างไรก็จะมีกระบวนการ ขั้นตอนในการสอบสวนกับบริษัทผู้ผลิตว่า จะดำเนินการอย่างไร เบื้องต้น อย.ก็ได้เรียกดูข้อมูลจำนวนการผลิตและการขายจาก 2 บริษัท ซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับข้อมูลกลับมาภายในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ ประชาชนที่มีการถือยาตัวที่ อย.ประกาศอยู่นั้นสามารถนำตัวยาดังกล่าวกลับไปพบแพทย์ที่รพ.ตามสิทธิเพื่อขอเปลี่ยนยาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
          "สิ่งสำคัญคือความปลอดภัยของผู้ป่วย อย.จึงต้องเรียกคืนผลิตภัณฑ์ยาเหล่านี้ ซึ่งมี ทั้งหมด 5 ตำรับ ประกอบด้วย กลุ่มยาของ บริษัท สีลมการแพทย์ จำกัด จำนวน 2 ทะเบียนตำรับ ได้แก่ 1.ยา VALATAN 80 ทะเบียนตำรับยา เลขที่1A 9/54 (NG) และ 2.ยา VALATAN 160 ทะเบียนตำรับยาเลขที่1A 10/54 (NG)  และ ของ บริษัท ยูนีซัน จำกัด จำนวน 3 ทะเบียนตำรับ ได้แก่ 1.ยา VALSARIN 80 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 4/60 (NG) 2.ยา VALSARIN 160 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 5/60 (NG) 3.ยา VALSARIN 320 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 6/60 (NG)" นพ.วันชัยกล่าว
          นพ.วันชัยกล่าวด้วยว่า ส่วนที่หลายคน ใช้ยาความดันโลหิตดังกล่าวแล้วกังวลว่า อนาคตจะเกิดมะเร็งหรือไม่และจะเรียกร้องจากใคร จริงๆ แล้วสามารถฟ้องโดยตรงกับทางบริษัท โดย ใช้กฎหมายของ สคบ.ได้ แต่ อย.ก็ไม่นิ่งนอนใจ เราก็มีกฎหมายในการควบคุมผลิตภัณฑ์ยา ซึ่งเรา ก็ต้องสอบสวนทางบริษัทยา แต่ก็จะเป็นขั้นตอน ต่อไป สิ่งสำคัญคือ การเรียกคืนผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ภายใน 15 วันก่อน แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มี ยาอื่นใช้ เพราะในกลุ่มเดียวกันยังเหลืออีก 9 ตำรับ ในการใช้ได้ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณา และหากมีข้อเรียกร้องหรือกังวลอะไร ให้สอบถามหรือร้องเรียนมาได้ที่สายด่วน อย. 1556
          ด้าน นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการ อย.กล่าวว่า ขณะนี้แม้จะยังไม่พบว่า ก่อโรคในคน แต่เมื่อพบความไม่ปลอดภัยในสัตว์ทดลอง ซึ่งตามหลักการแล้วหากพบสารตัวใดเกิดอันตรายในสัตว์ทดลองแล้ว ก็มี โอกาสเกิดอันตรายกับมนุษย์ ดังนั้นหลายประเทศทั่วโลก จึงได้ออกมายกเลิกทะเบียนตำรับ รวมถึงประเทศไทยด้วย 5 ตำรับ จาก 2 บริษัท ตอนนี้อยู่ระหว่างเรียกคืนยาจากท้องตลาด อย่างไรก็ตามยา 5 ตำรับนี้ เป็นยานอกบัญชียาหลัก แห่งชาติ จึงคาดว่าปริมาณการผลิต การใช้ ไม่น่าจะมีมากนัก
          ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ป่วยที่กินยา 5 ตำรับ ที่ประกาศเตือนแล้วกังวลถึงอันตราย นพ.สุรโชค กล่าวว่า ตอนนี้ที่เรากังวลคือเกรงว่า ประชาชนจะตกใจกลัวมากจนไม่กินยาลดความดัน ซึ่งต้องเรียนว่าหากไม่กินยาลดความดัน อาจจะ ทำให้มีผลแทรกซ้อนจากโรคความดัน ซึ่งอันตราย ดังนั้นอย่าขาดยา เพราะมียาอีกหลายตัวที่ใช้ทดแทนกันอยู่ หากมียาตัวที่เป็นปัญหาอยู่ในมือ ก็สามารถไปเปลี่ยนยาที่สถานพยาบาลตามสิทธิได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งความเสียหาย ที่เกิดขึ้นนั้นเบื้องต้นทาง บริษัทยา 2 แห่ง ยินดีรับผิดชอบจ่ายคืนเงิน และเปลี่ยนตัวยา ที่ไม่มีปัญหาให้แทน ทั้งนี้ หากยังไปเปลี่ยนยา ไม่ได้ก็ยังสามารถกินยาตัวเดิมได้ เช่นที่ สหรัฐอเมริกา ที่การหาหมอเป็นเรื่องยาก องค์การ อาหารและยาของอเมริกา ก็ให้ประชาชนกินยา ตัวเดิมได้
          ขณะที่ นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนาวัฒนา เลขาธิการคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ที่มีสิทธิ ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) กว่า 49 ล้านคนนั้น พบว่าประมาณร้อยละ 15 เป็นผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง--จบ--

          ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า