วันอังคารที่ 5 กันยายน 2566 เวลา 13.00 นาฬิกา ณ ห้องวายุภักษ์ 5-7 ชั้น 5 ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานสภาสถาบันพระปกเกล้า เป็นประธานในพิธีมอบเข็มกิตติคุณและประกาศนียบัตรสถาบันพระปกเกล้า ประจำปี 2566 โดยมี นายวิทวัส ชัยภาคภูมิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวรายงาน
สำหรับผู้ได้รับเข็มกิตติคุณสถาบันพระปกเกล้า ประจำปี 2566 ได้แก่บุคคลที่บำเพ็ญประโยชน์ให้สถาบันพระปกเกล้า และมีเกียรติประวัติอันดีควรแก่การยกย่องให้ปรากฏสืบไป ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด จำนวนทั้งสิ้น 22 คน ทั้งนี้ มีผู้ได้รับประกาศนียบัตรสถาบันพระปกเกล้า ได้แก่ผู้สำเร็จการอบรมหลักสูตรต่าง ๆ จำนวน 6 หลักสูตร ประกอบด้วย 1. หลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลของผู้บริหารระดับกลาง รุ่นที่ 24 จำนวน 129 คน 2. หลักสูตรประกาศนียบัตรกฎหมายท้องถิ่น รุ่นที่ 11 จำนวน 56 คน 3. หลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา สพฐ. (โรงเรียนสุจริต) รุ่นที่ 8 จำนวน 80 คน 4. หลักสูตรประกาศนียบัตรสิทธิมนุษยชนสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 3 จำนวน 59 คน 5. หลักสูตรประกาศนียบัตรไทยกับประชาคมอาเซียนในเศรษฐกิจการเมืองโลก รุ่นที่ 11 จำนวน 57 คน 6. หลักสูตรประกาศนียบัตรผู้นำยุคใหม่ในระบอบประชาธิปไตย รุ่นที่ 12 จำนวน 128 คน รวมจำนวนทั้งสิ้น 531 ราย
ในโอกาสนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานสภาสถาบันพระปกเกล้า กล่าวแสดงความยินดี ความว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดี ที่มาเป็นประธานในพิธีมอบเข็มกิตติคุณสถาบันพระปกเกล้า ให้แก่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสถาบันพระปกเกล้า และมอบประกาศนียบัตรสถาบันพระปกเกล้า ให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาในหลักสูตรต่าง ๆ ในวันนี้ ตนขอแสดงความยินดี และขอชื่นชมทุกท่านด้วยใจจริง ทั้ง ผู้ที่ได้ทุ่มเททำคุณประโยชน์ต่อสถาบันพระปกเกล้า และผู้ที่มุ่งมั่นในการศึกษาอบรมในหลักสูตรต่าง ๆ จนประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะท่านที่ผ่านหลักสูตรเหล่านั้นมา แม้จะมีที่มาแตกต่างกัน ทั้งจากภาคราชการ ภาคเอกชนองค์กรอิสระ หรือภาคประชาสังคม แต่มีสิ่งที่ท่านมีร่วมกันคือ การมีส่วนช่วยสนับสนุนพัฒนาการทางการเมือง และธำรงรักษาไว้ ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ดังนั้น จึงถือเป็นหน้าที่และเป็นภารกิจอันสำคัญที่ทุกท่านจะได้นำความรู้ที่ได้รับ ทั้งจากภาคทฤษฎีและปฏิบัติจากการศึกษาอบรม ไปใช้ในกิจการของท่าน เพื่อความก้าวหน้าของสังคมและประเทศชาติ และเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนโดยรวม แต่ความรู้จะเป็นประโยชน์ได้อย่างแท้จริงก็ต่อเมื่ออยู่กับผู้ที่มีคุณธรรม มีสำนึกรับผิดชอบ มีความซื่อสัตย์สุจริต และถือประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง
ในโอกาสนี้ ตนขออัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ตลอดจนพระบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดประทานพรให้ทุกท่าน มีความสุข ความเจริญ มีกำลังสติปัญญาในการประกอบสัมมาอาชีพ มีกำลังใจ กำลังกายที่เข้มแข็ง และมีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของตนให้บังเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและประเทศชาติสืบไป
|