ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้การรับรอง เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรนอร์เวย์ประจำประเทศไทย โดยประธานสภาผู้แทนราษฎร เห็นควรให้รัฐสภาของ 2 ประเทศ จัดตั้งกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาระหว่างกันขึ้นเพื่อการพัฒนาความสัมพันธ์ในระดับรัฐสภา และขอให้ผลักดันการนำเข้าสินค้าจากไทยไปนอร์เวย์เพิ่มมากขึ้น

วันอังคารที่ 24 ตุลาคม 2566 เวลา 14.00 นาฬิกา ณ ห้องรับรองพิเศษ 205 ชั้น 2 อาคารรัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้การรับรอง นางอัสตริด เอมีเลีย เฮลเล (H.E. Ms. Astrid Emilie Helle) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรนอร์เวย์ประจำประเทศไทย โดยมี นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร นายมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร นายธงชาติ รัตนวิชา ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์ สุขะนันท์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รักษาราชการแทนเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นายมีชัย ออสุวรรณ คณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายอาพล นันทขว้าง ผู้อำนวยการสำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ร่วมให้การรับรอง

ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวต้อนรับและกล่าวชื่นชมเอกอัครราชทูตฯ ว่าเป็นผู้มีประสบการณ์สูง และกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศที่มีมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงเสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักนอร์เวย์เมื่อครั้งเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 และได้ทรงจารึกอักษรพระปรมาภิไธย จ.ป.ร. ไว้บนก้อนหิน ณ เมืองนอร์ดแคปป์ ในระดับราชวงศ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 (เมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามบรมราชกุมาร) เสด็จฯ เยือนนอร์เวย์ด้วย สำหรับในระดับรัฐบาลและรัฐสภา ได้มีคณะผู้แทนเดินทางไปเยือนนอร์เวย์หลายครั้ง ทั้งนี้ เพื่อการพัฒนาความสัมพันธ์ในระดับรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เห็นควรให้รัฐสภาของ 2 ประเทศมีการจัดตั้งกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาระหว่างกันขึ้น

ด้านเศรษฐกิจ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า นอร์เวย์เป็นประเทศที่มีการพัฒนา ด้านเศรษฐกิจที่ดี ประชาชนมีรายได้สูง ปัจจุบันมีบริษัทของนอร์เวย์มาลงทุนในไทย อาทิ กลุ่มบริษัทเทเลนอร์ ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ DTAC และบริษัท ยารา (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตปุ๋ยและเคมีภัณฑ์ตราเรือไวกิ้ง แต่เนื่องจากปัจจุบันไทยยังขาดดุลการค้านอร์เวย์อยู่มาก จึงขอให้เอกอัครราชทูตฯ ช่วยผลักดันให้มีการนำเข้าสินค้าจากไทยไปนอร์เวย์เพิ่มมากขึ้น

เอกอัครราชทูตฯ กล่าวขอบคุณประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่สละเวลาให้การต้อนรับ และกล่าวแสดงความยินดีแก่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยเอกอัครราชทูตฯ รู้สึกยินดีต่อความสัมพันธ์อันยาวนานของ 2 ประเทศ และได้กล่าวถึงการเจรจา FTA ไทย-EFTA ซึ่งคาดว่า การเจรจาจะแล้วเสร็จภายในปี 2567 และหลังจากนั้นหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐสภาในส่วนที่เกี่ยวข้อง เอกอัครราชทูตฯ ยังได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของคนไทยจากเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างอิสราเอล - ฮามาส ในการนี้ เอกอัครราชทูตฯ ได้กล่าวถามในหลายประเด็น ได้แก่ 1) การแก้ไขรัฐธรรมนูญของไทย 2) แนวทางการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย และ 3) ความคิดเห็นต่อสถานการณ์ในเมียนมา

ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวตอบในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า รัฐบาลชุดนี้มีนโยบายที่ชัดเจนว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น สำหรับปัญหาเรื่อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ รัฐสภาได้มีการอภิปรายในเรื่องนี้ เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกัน และได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นเพื่อศึกษาและแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะ ทั้งนี้ เรื่องสถานการณ์ในเมียนมา ไทยมีนโยบายชัดเจนที่จะไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศสมาชิกอาเซียนแต่จะปฏิบัติตามมติขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศ อันได้แก่ สมัชชารัฐสภาอาเซียน (AIPA) ซึ่งปัจจุบันนอร์เวย์เป็นประเทศผู้สังเกตการณ์ด้วย อย่างไรก็ดี ในเรื่องการเจรจา FTA ไทย-EFTA หากการเจรจาสรุปผลได้ในปี 2567 รัฐสภาไทยยินดีให้การสนับสนุนในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

เครดิต : ข่าวโดยกลุ่มงานข้อมูลข่าวสารระหว่างประเทศ สำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร