|
|
วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม 2567 เวลา 11.00 นาฬิกา ณ ห้องรับรองพิเศษ 205 ชั้น 2 อาคารรัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ให้การรับรอง H.E. Mr. Pham Viet Hung (นายฝั่ม เหวียด หุ่ง) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทย โดยมี นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร นายธงชาติ รัตนวิชา ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร นายฐาคณิษฐ์ พรทองประเสริฐ ผู้ช่วยเลขานุการประธานรัฐสภา นายสุธีรพันธ์ สุขวุฒิชัย และ ผศ.มีชัย ออสุวรรณ ที่ปรึกษาคณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และนายอาพล นันทขว้าง ผู้อำนวยการสำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ร่วมให้การรับรอง
ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเวียดนามซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาโดยตลอด ทั้งในระดับรัฐบาล รัฐสภา และประชาชน โดยในปี 2567 เป็นปีครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 48 ปี ทั้งสองฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนการเดินทางเยือนในระดับสูงมาโดยตลอด ทั้งนี้ ในเดือนสิงหาคม 2567 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯ เยือนเวียดนาม เพื่อทอดพระเนตรโรงเรียนในพระอุปถัมภ์ ปัจจุบันไทยและเวียดนามยังมีความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็ง โดยทั้งสองฝ่ายมีแผนที่จะยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน (Comprehensive Strategic Partnership) ในปี 2567
สำหรับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ เวียดนามมีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ซึ่งไทยเป็นคู่ค้าที่สำคัญของเวียดนามและลงทุนในเวียดนามเป็นลำดับต้น ๆ ไทยและเวียดนามมีการส่งออกสินค้าเกษตรเหมือนกัน ประธานรัฐสภาจึงเห็นว่าสองฝ่ายควรหารือร่วมกัน จะเป็นประโยชน์ในระยะยาวมากกว่าการแข่งขันกันในเรื่องราคาสินค้า เพราะจะส่งผลให้สินค้าราคาตก ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงคือเกษตรกรผู้ผลิต
ความสัมพันธ์ด้านสังคมและประชาชน มีชาวไทยเชื้อสายเวียดนามอาศัยอยู่ที่จังหวัดอุดรธานีเป็นจำนวนมาก และยังมีอนุสรณ์สถานประธานาธิบดีโฮจิมินห์ ที่จังหวัดนครพนม อันแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นในระดับประชาชนของสองประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการแลกเปลี่ยนการเดินทางเยือนในระดับประชาชน มีนักท่องเที่ยวเวียดนามมาท่องเที่ยวไทย จำนวนประมาณ 1 ล้านคน โดยปัจจุบันมีเที่ยวบินตรง ไทย - เวียดนาม จำนวนประมาณ 270 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ทั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดีที่เอกอัครราชทูตฯ ได้มาประจำในประเทศไทยในปีนี้ เนื่องจากเป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 72 พรรษา โดยจะมีงานเฉลิมฉลองต่าง ๆ มากมาย อันเป็นโอกาสอันดีที่เอกอัครราชทูตฯ จะได้ชื่นชมในขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีของไทย
สำหรับความสัมพันธ์ในระดับรัฐสภาอยู่ในระดับดี โดยล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคม 2566 นายเวือง ดิ่งห์ เหวะ ประธานสภาแห่งชาติเวียดนาม ได้เดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ และได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) ระหว่างสภาผู้แทนราษฎรแห่งราชอาณาจักรไทยกับสภาแห่งชาติสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และ MoU ในระดับสำนักงานเลขาธิการของทั้งสองฝ่าย โดยตามกรอบ MoU ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันดำเนินการตามมาตรการที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ การแลกเปลี่ยนการเดินทางเยือนในระดับประธานรัฐสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกลุ่มมิตรภาพฯ ของทั้งสองฝ่าย รวมถึงในระดับเจ้าหน้าที่ด้วย ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตฯ ได้แจ้งให้ทราบว่าสำนักงานเลขาธิการสภาแห่งชาติสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประสงค์จะเชิญเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรของไทยเดินทางไปเยือนด้วย อย่างไรก็ดี สำหรับการเดินทางไปเยือนเวียดนามของประธานรัฐสภา เอกอัครราชทูตฯ จะประสานเรื่องดังกล่าวกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกต่อไป
เครดิต : ข่าวโดยกลุ่มงานข้อมูลข่าวสารระหว่างประเทศ สำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร |
|
|
สงวนลิขสิทธิ์โดย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๑๑๑๑ ถ.สามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐
โทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๐๐ โทรสาร ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๙๐ e-Mail : webmaster@parliament.go.th [คลิกดูแผนที่]
|
|
|
|