เมื่อวันพุธที่ 28 สิงหาคม 2567 เวลา 15.30 นาฬิกา ณ ห้องรับรองพิเศษ 205 ชั้น 2 อาคารรัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ให้การรับรอง YB HAFEZ SABRI รองหัวหน้าผู้นำเยาวชนพรรคอิสลามประจำรัฐเปรัค มาเลเซีย พร้อมคณะรวม 10 คน ในโอกาสเดินทางเยือนไทย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสภาไทยกับรัฐสภามาเลเซียให้มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยมี นายซูการ์โน มะทา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายอับดุลอายี สาแม็ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานกลุ่มมิตรภาพฯ ไทย-มาเลเซีย นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายสุไลมาน บือแนปีแน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร นายมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร นายธงชาติ รัตนวิชา ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายสุธีรพันธ์ สุขวุฒิชัย ที่ปรึกษาคณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร ร่วมให้การรับรอง

ประธานรัฐสภา กล่าวต้อนรับคณะด้วยความยินดี พร้อมกล่าวถึง ความสัมพันธ์ไทย – มาเลเซีย ที่มีความแน่นแฟ้นกันอย่างใกล้ชิดในทุกระดับ ทั้งในระดับราชวงศ์ รัฐบาล รัฐสภา และประชาชน โดยเฉพาะระดับประชาชนที่เดินทางไปมาหาสู่ระหว่างกันเปรียบเสมือนพี่น้อง ปัจจุบันมีแรงงานไทยเดินทางเข้า - ออกมาเลเซียเป็นจำนวนกว่า 200,000 คน โดยส่วนใหญ่ไปทำงานร้านอาหารไทยในมาเลเซีย หรือที่เรียกว่าแรงงานต้มยำกุ้ง ทั้งนี้ เมื่อ 27 ปีก่อน ตอนที่ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาในสมัยแรก เคยได้เดินทางเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการ และครั้งล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน 2567 ได้เดินทางเยือนอย่างเป็นทางการเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งมาเลเซียให้การต้อนรับเป็นอย่างดี และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรมาเลเซียได้เดินทางเยือนไทยเช่นเดียวกันในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2567 แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทย - มาเลเซียมีความแน่นแฟ้นเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ ในระดับรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี (ในขณะนั้น) เคยได้เดินทางเยือนมาเลเซียถึง 2 ครั้ง และนายกรัฐมนตรีมาเลเซียก็ได้เดินทางเยือนไทยด้วยเช่นกัน นายกรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายยังได้พบกันในโอกาสต่าง ๆ โดยเฉพาะการลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเสริมสร้างกระบวนสันติสุขชายแดนใต้ รวมถึงการพัฒนาด้านการค้าชายแดน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสองประเทศให้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้มีการหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณประจำปี ซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาเลเซียจะได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาล เพื่อใช้ในการดูแลทุกข์สุขของประชาชนในพื้นที่คนละประมาณ 3 - 5 ล้านริงกิต ในขณะที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในลักษณะดังกล่าว และไม่สามารถแปรงบประมาณลงในพื้นที่ตัวเองได้เนื่องจากรัฐธรรมนูญได้ห้ามการกระทำดังกล่าว ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นควรให้มีการจัดให้มีการพบปะหารือกันอีกในโอกาสต่อไป เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์การทำงานระหว่างกัน และหวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศจะดำเนินไปอย่างดียิ่งขึ้นต่อไป พร้อมกันนี้ ประธานรัฐสภากล่าวอำนวยพรให้คณะพำนักอยู่ในประเทศไทยอย่างมีความสุข บรรลุวัตถุประสงค์ในการเยือนในครั้งนี้ และเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ

เครดิตข่าว : กลุ่มงานข้อมูลข่าวสารระหว่างประเทศ สำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร