คุมเข้มประกันชีวิต-วินาศภัย คปภ.เคร่งกติกาจ่ายค่าสินไหม
Source - ทันหุ้น (Th)
Friday, June 23, 2017 09:12
53628 XTHAI XCORP XINSURE XECON XFINSEC ZSTOCK ZFUND DAS V%PAPERL P%THD
ทันหุ้น - คปภ.ขันน็อต "ประกันชีวิตวินาศภัย" ปฏิบัติตามกติกาการจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างเคร่งครัด เน้นย้ำบังคับใช้จริงตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการชดใช้เงินหรือค่าสินไหมตามสัญญาประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย และเงื่อนไขในการชดใช้เงินตามสัญญาประกันชีวิตของบริษัทประกันชีวิต
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงานคปภ.ได้ออกประกาศ คปภ. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการชดใช้เงินหรือค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย พ.ศ.2559 และประกาศ คปภ. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการชดใช้เงินตามสัญญาประกันชีวิตของบริษัทประกันชีวิต พ.ศ. 2559 เพื่อให้บริษัทมีระบบงานการจัดการสินไหมกระบวนการพิจารณาการชดใช้เงินตามสัญญาประกันภัย และกระบวนการจัดการเรื่องร้องเรียนที่ชัดเจนเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยประกาศทั้ง 2 ฉบับ ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2559 และมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 180 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2559) เป็นต้นมา
คุมเข้มกติกาจ่ายสินไหม
จากข้อเท็จจริงในปัจจุบันพบว่า การปฏิบัติตามประกาศ คปภ.ทั้ง 2 ฉบับ บริษัทประกันภัยยังไม่มีการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นสำนักงาน คปภ.จึงได้จัดการประชุมชี้แจงการปฏิบัติตามประกาศ คปภ. เพื่อให้บริษัทประกันภัยได้รับทราบแนวทางปฏิบัติและมีความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และขั้นตอนในการดำเนินการตามประกาศทั้ง 2 ฉบับ ที่ถูกต้องตรงกันและปฏิบัติให้เป็นแนวทางเดียวกัน รวมทั้งเพื่อให้ทราบว่าประกาศทั้ง 2 ฉบับมีบทลงโทษ โดยผู้ที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมีโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท และถ้าเป็นกรณีการกระทำความผิดต่อเนื่อง ยังมีโทษปรับอีกไม่เกินวันละ 20,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอีกด้วย บริษัทประกันภัยจึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามประกาศดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้มองว่าการจัดการสินไหมเพื่อผู้บริโภคในยุคดิจิทัลถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นกับผู้บริโภค ซึ่งเป็นไปตามทิศทางการทำงานของสำนักงาน คปภ.ที่กำหนดให้ปี 2560 เป็นปีแห่งการขับเคลื่อนการประกันภัยในยุคดิจิทัล โดยเน้นย้ำการดำเนินการจัดการสินไหมและการจัดการเรื่องร้องเรียนเพื่อให้เกิดความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งควรที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ เช่น การยื่นเรื่องร้องเรียนผ่านทาง website (E-Service) ระบบการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนระหว่างบริษัทประกันภัย (E-Recovery) การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Claim) การนำเทคโนโลยีโดรน(Drone) มาใช้ในการวิเคราะห์ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอาคารที่เกิดวินาศภัย
เร่งพัฒนาทัดเทียมตปท.
อีกทั้งการใช้เทคโนโลยี Blockchain มาเป็นหนึ่งในกระบวนการตรวจสอบการฉ้อฉลประกันภัยจะช่วยให้การบริหารจัดการเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทประกันภัยควรมีการเผยแพร่ข้อยกเว้นที่จะไม่ให้ความคุ้มครองให้ชัดเจนเพื่อให้ลูกค้ารับทราบ ไม่ว่าจะบนเว็บไซต์ของบริษัทในรูปของ FAQ หรือผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดียอื่นๆ รวมถึงการใช้ระบบอัตโนมัติ หรือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาช่วยในการประมวลผลเพื่อลดการใช้ดุลพินิจลง
ทั้งนี้ในประเทศมาเลเซีย หน่วยงานกำกับดูแลด้านประกันภัยได้กำหนดให้การจ่ายค่าสินไหมทดแทน บริษัทประกันภัยจะต้องชำระผ่านช่องทางออนไลน์ ตรงเข้าไปที่บัญชีของผู้เอาประกันภัยโดยตรงเท่านั้น เพื่อลดขั้นตอนในการดำเนินงาน และไม่เปิดช่องให้มีคนกลางหรือแกงค์เคลมเข้ามาแทรกแซง และบริษัทประกันภัยในประเทศมาเลเซียได้เริ่มนำระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้ เพื่อให้การพิจารณาการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนทำได้เร็วขึ้น ซึ่งผลประโยชน์ที่ได้ก็จะตกแก่ผู้เอาประกันภัยอย่างแท้จริง
บรรยายใต้ภาพ
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น