เคาะ200กก.ยุทธศาสตร์ คาดเหล้าเก่าในขวดใหม่
Source - เว็บไซต์ไทยโพสต์ (Th)
Tuesday, August 01, 2017 07:09
62842 XTHAI XPOL POL V%NETNEWS P%WTP
ปิดฉาก สปท. ประยุทธ์ ขอบคุณร่วมเสียสละเพื่อชาติ แขวะนักการเมืองสร้างกิจกรรมให้คนชอบอย่างเดียว กฎหมายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี-ปฏิรูปประเทศ ประกาศมีผลบังคับใช้แล้ว ผู้นำเหล่าทัพพาเหรดนั่งซูเปอร์บอร์ดวางอนาคตประเทศ จับตารัฐบาล ลุงตู่ เคาะชื่อกว่า 200 ราย โดยเฉพาะผู้ทรงคุณวุฒิ กรรมการปฏิรูป 11 ด้าน เชื่อมีแต่เหล้าเก่าในขวดใหม่ ทั้งคนใกล้ชิด อดีต สปท.-สปช.-ข้าราชการเกษียณพาเหรดยึด
เมื่อวันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม มีการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ครั้งที่ 31/2560 เป็นนัดพิเศษเพื่อส่งมอบงานของ สปท.ที่สิ้นสุดวาระให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยมีแม่น้ำ 5 สายและข้าราชการเข้าร่วมอย่างคึกคัก
ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท.กล่าวว่า สปท.ได้ศึกษาและเสนอแนะเพื่อให้เกิดการปฏิรูปต่างๆ ต่อนายกฯ 188 เรื่อง ทั้งนี้ไม่นับรวมเรื่องที่ไม่ได้ผ่านมติของ สปท.อีกหลายเรื่อง ซึ่งขึ้นอยู่กับคณะรัฐมนตรีว่าจะตัดสินใจเห็นชอบ ไม่เห็นชอบ หรือปรับปรุงแก้ไขเรื่องหนึ่งๆ ที่ได้เสนอ โดยผลงาน สปท.ที่เป็นรูปธรรมมี 27 เรื่อง อาทิ การจัดตั้งศาลทุจริต การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พรรคการเมือง และคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นต้น
ต่อมา ร.อ.ทินพันธุ์ได้ส่งมอบหนังสือผลการดำเนินงานของ สปท.และถ่ายรูปร่วมกับนายกฯ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันที่สำคัญมากวันหนึ่ง เพราะเป็นวันที่แสดงถึงความสำเร็จของความร่วมมือร่วมใจในการทำงานของทุกฝ่าย ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.57 ที่ได้เข้ามารับผิดชอบบริหารบ้านเมืองนั้น ได้รับความร่วมมือจากทุกคนร่วมกันทำงานเพื่อบ้านเมือง ด้วยความเสียสละและอุทิศกำลังกายกำลังใจ ทุ่มเทพลังความสามารถ
"การทำงานของรัฐบาลและ คสช.คิดในเชิงบริหารมาตลอด ไม่ได้คิดเพื่อสืบทอดอำนาจ เราคิดแค่ว่าจะปฏิรูปประเทศอย่างไร คิดแบบนั้นมันถึงต้องมีสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และ สปท.และการร่างรัฐธรรมนูญ เราต้องร่วมมือกันทุกหน่วยงานเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายภายใต้เวลาและโรดแมป" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า การปฏิรูปประเทศและแผนยุทธศาสตร์ชาติต้องคิดว่าทำอย่างไร เพื่อให้รัฐบาลในอนาคตมาดำเนินการต่อให้เกิดความต่อเนื่อง โดยยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่หลายฝ่ายต่อต้าน ยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลต่อๆ ไป แต่เป็นการกำหนดความชัดเจนเรื่องเป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ของการบริหารประเทศ ทั้งนี้ แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้นสามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องตามสถานการณ์ได้ แต่ต้องเสนอกรอบวิธีการปฏิบัติที่ดีกว่าเดิม และเสนอให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบ ส่วนนโยบายของพรรคการเมืองจะทำอย่างไรก็กำหนดไปตามขั้นตอนของแต่ละพรรค แต่ต้องไม่ทำให้ล้มเหลว และทำอย่างไรให้นโยบายพรรคการเมืองสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติได้หรือไม่ ไม่ใช่สร้างกิจกรรมให้คนชอบอย่างเดียว
"วันหน้าถ้าหาเสียงลองดูสิว่าพรรคไหนจะหาเสียงตรงกับกรอบยุทธศาสตร์ 6 ข้อบ้าง ไม่ใช่หาเสียงว่าจะตั้งราคานี้ราคาโน้น ที่พูดแบบนี้ไม่ได้ว่าผิดหรือว่าถูกนะ เดี๋ยวจะหาว่าผมว่าเขาผิดก่อนศาลตัดสิน อยู่ที่ศาลตามหลักฐาน หลายคนบอกว่าอย่าไปซ้ำเติม แต่ก็ไม่เคยไปซ้ำเติม เป็นเรื่องเดิมทั้งสิ้น เป็นเรื่องขององค์กรอิสระที่ทำงานมาตลอด ตอนนี้คนไทยชอบตัดสินเองทุกเรื่อง เมื่อเช้าดูข่าวก็ตัดสินให้ผม ผมดูแล้วก็ปวดหัว ไม่ฟังก็ไม่ได้เพราะเรื่องเหล่านี้เอาไปปลุกระดมได้ทั้งสิ้น เขาไปปลุกระดมข้างล่าง ผมอ่านข่าวทุกวัน ใครพูดอะไรผมมีหมด" นายกฯ ระบุ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนท้ายว่า ภารกิจวันนี้เราลุล่วงไปครึ่งหนึ่งแล้ว เหลืออีกครึ่งหนึ่งที่ต้องส่งต่อให้รัฐบาลชุดต่อไปทำ ขอฝากภารกิจนี้ให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปเพื่อสานต่อภารกิจให้สำเร็จ และขอฝากให้ระวังการใช้สื่อออนไลน์ด้วย ก่อนจะเชื่ออะไรขอให้ใช้สติปัญญาใคร่ครวญให้ดี เพราะโดนเยอะ แต่ไม่เป็นไรเพราะสู้ได้ และคิดว่ายังไม่ได้ทำอะไรผิด ผิดอยู่วันเดียวคือ วันที่ 22
ในช่วงสุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ได้ขอทุกคนในห้องประชุมปรบมือให้แม่น้ำ 5 สายและ สปช.เพื่อเป็นพลังในการทำงาน จากนั้นนายกฯ ร่วมรับประทานอาหารกลางวันก่อนเดินทางกลับทำเนียบรัฐบาล
บิ๊กทหารนั่ง กก.ยุทธศาสตร์
ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่เนื้อหาพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2560 และ พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ.2560 ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ แล้ว และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค.
ทั้งนี้ พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติมีทั้งสิ้น 29 มาตรา โดยเนื้อหาที่น่าสนใจ คือ มาตรา 12 ที่ให้ตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติที่มีนายกฯ เป็นประธาน ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นรองประธานคนที่ 1 ประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานคนที่ 2 รองนายกฯ หรือรัฐมนตรีที่นายกฯ มอบหมายเป็นรองประธานคนที่ 3 ส่วนกรรมการจะประกอบด้วย ปลัดกระทรวงกลาโหม, ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, ผู้บัญชาการทหารบก, ผู้บัญชาการทหารเรือ, ผู้บัญชาการทหารอากาศ, ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ, ประธานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, ประธานสภาเกษตรแห่งชาติ, ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ซึ่ง ครม.แต่งตั้งอีกไม่เกิน 17 คน โดยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะมีวาระไม่เกิน 5 ปี รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 34 ราย
ทั้งนี้ ในมาตรา 15 ได้กำหนดให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติมีหน้าที่และอำนาจจัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติเพื่อเสนอ ครม.เสนอความเห็นต่อรัฐสภา โดยในบทเฉพาะกาลมาตรา 28 ได้กำหนดไว้ว่าให้จัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติเบื้องต้นให้แล้วเสร็จภายใน 120 วันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งและส่งให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ จากนั้นคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติพิจารณาและเสนอต่อ ครม.ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับร่างยุทธศาสตร์ชาติจากคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และ ครม.ต้องส่งร่างยุทธศาสตร์ชาติให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ภายใน 30 วัน และ สนช.ต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับร่างยุทธศาสตร์ชาติ โดยเมื่อ สนช.ให้ความเห็นชอบแล้ว ให้นายกฯ นำร่างยุทธศาสตร์ชาติขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายใน 10 วัน (อ่านรายละเอียดหน้า 4)
ส่วน พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศนั้นมีทั้งสิ้น 33 มาตรา โดยมาตราที่น่าสนใจคือ มาตรา 8 ที่ให้มีการจัดทำแผนการปฏิรูปประเทศต่างๆ จำนวน 11 ด้าน รวมทั้งการให้ ครม.ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปด้านละ 14 คน ประกอบด้วย 1.การเมือง 2.การบริหารราชการแผ่นดิน 3.กฎหมาย 4.กระบวนการยุติธรรม 5.การศึกษา 6.เศรษฐกิจ 7.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 8.สาธารณสุข 9.สื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ 10.สังคม และ 11.ด้านอื่นตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ซึ่งในบทเฉพาะกาลมาตรา 29 ได้กำหนดให้แต่งตั้งให้เสร็จภายใน 15 วันนับจากวันที่ 1 ส.ค.นี้ โดยมีวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี
นอกจากนี้ การจัดทำแผนการปฏิรูปประเทศต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและหน่วยงานของรัฐ รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะขององค์กรฝ่ายตุลาการมาใช้ประกอบพิจารณาด้วย ควบคู่ผลการศึกษาของแม่น้ำ 5 สาย และให้คณะกรรมการปฏิรูปเสนอร่างแผนปฏิรูปประเทศที่ผ่านการพิจารณาแล้วต่อ ครม.ภายใน 30 วันหลังจากที่ประชุมให้ความเห็นชอบแล้ว และ ครม.ต้องแจ้งความคืบหน้าตามแผนการปฏิรูปประเทศต่อรัฐสภาทุก 3 เดือน และต้องกำหนดผลสัมฤทธิ์ที่คาดหวังว่าจะบรรลุภายใน 5 ปีด้วย
ทั้งนี้ การกำหนดโควตาคณะกรรมการปฏิรูป 11 คณะ คณะละ 14 คนนั้น ทำให้หลังจากนี้ต้องจับตาว่า 154 คนนั้นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จะแต่งตั้งใครบ้าง โดยจะต้องประกาศภายในวันที่ 16 ส.ค.นี้ตามที่กำหนด เพื่อเขียนแผนปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ ซึ่งต้องทำงานประสานกับ ครม.และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งเบื้องต้นคณะกรรมการปฏิรูปต้องจัดทำร่างแผนการปฏิรูปประเทศในด้านที่รับผิดชอบให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน จากนั้นเสนอให้กรรมการยุทธศาสตร์ชาตินำไปเขียนในแผนแม่บทยุทธศาสตร์ชาติที่มีระยะเวลา 20 ปี และสามารถทบทวนได้ทุกๆ 5 ปี หรือในกรณีที่สถานการณ์โลกหรือประเทศเปลี่ยนแปลงไป
จับตาแต่งตั้ง 200 ชื่อ
นอกจากนี้ยังมีโควตาของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกิน 17 คนในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งต้องแต่งตั้งให้แล้วเสร็จภายในไม่เกิน 30 วัน หรือไม่เกิน 31 ส.ค. ขณะเดียวกันยังมีคณะกรรมการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติซึ่งบอร์ดยุทธศาสตร์ชาติ 34 คนต้องไปตั้งอีกครั้ง โดยอาจตั้งหนึ่งคณะหรือหลายคณะก็ได้ เมื่อรวมกับคณะกรรมการปฏิรูป 11 คณะอีก 154 คน และกรรมการยุทธศาสตร์โควตาผู้ทรงคุณวุฒิ 17 คน จึงทำให้รัฐบาลต้องตั้งคนไปเป็นกรรมการ 2 ส่วนถึง 171 คน ไม่นับรวมกับกรรมการเขียนแผนยุทธศาสตร์ชาติที่เปิดกว้างไม่เขียนล็อกจำนวนเอาไว้ เท่ากับว่า คสช.ต้องตั้งคนไปทำงานทั้งสองส่วนนี้ถึงกว่า 200 คนทีเดียว
รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์และแกนนำรัฐบาลได้จัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการบางส่วนไว้แล้ว ที่คาดว่าจะมีสมาชิก สปท.ที่เพิ่งพ้นสภาพไปเมื่อ 31 ก.ค.ได้รับการแต่งตั้งหลายคน โดยเฉพาะพวกที่ใกล้ชิดกับแกนนำ คสช. รวมถึงอดีต สปท.ที่เป็นคีย์แมนในกรรมาธิการชุดต่างๆ หลังก่อนหน้านี้มี สปท.เข้าไปเป็นกรรมการปฏิรูปการศึกษา เช่น นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร และกรรมการปฏิรูปตำรวจชุด พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ที่มี สปท.อย่างนายเสรี สุวรรณภานนท์, พ.ต.ต.ยงยุทธ สาระสมบัติ และนายเข็มชัย ชุติวงศ์ เป็นต้น อีกทั้งอาจมีอดีต สปช.เข้าไปด้วยอีกหลายคน ตลอดจนข้าราชการที่เกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย.นี้ที่ไม่ได้เป็น สนช.แต่ทำงานเข้าตา คสช.ก็อาจได้รับการแต่งตั้งให้เข้าไปเป็นกรรมการปฏิรูปบางคณะเช่นกัน
ขณะที่กรรมการยุทธศาสตร์ชาติสายผู้ทรงคุณวุฒิ มีการเก็งกันไว้ว่า สนช.และ สปท.ที่มีส่วนร่วมในการเขียนกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติบางคนจะเข้าไปเป็นซูเบอร์บอร์ดยุทธศาสตร์ชาติ เช่น พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร อดีต ผบ.ส.ส. ในฐานะประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ หรือ พล.อ.ชูศักดิ์ เมฆสุวรรณ์ อดีต สปท.และอดีตผู้อำนวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร เป็นต้น แต่เนื่องจากบอร์ดยุทธศาสตร์ชาติตั้งช้ากว่าคณะกรรมการปฏิรูป จึงทำให้รัฐบาลอาจไม่จำเป็นต้องรีบพิจารณารายชื่อ
อนึ่ง ก่อนหน้านี้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เคยระบุไว้ว่า รัฐบาลกำลังหารือกับกรมบัญชีกลาง ถึงเรื่องค่าตอบแทนของกรรมการปฏิรูปและกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ว่าจะให้เป็นเหมาจ่ายแบบ ส.ส.-ส.ว.คือเดือนละประมาณหนึ่งแสนบาท หรือให้จ่ายเป็นค่าเบี้ยประชุมเป็นรายครั้ง
วันเดียวกัน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. โดยมีเนื้อหา 3 หน้ากระดาษเอสี่ ซึ่งได้แสดงความคิดเห็นต่อการเซตซีโรองค์กรอิสระที่แตกต่างกัน พร้อมทั้งระบุว่าขณะนี้ได้เขียนคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในเรื่องนี้เสร็จแล้ว 70-80% และคาดว่าจะยื่นเรื่องภายใน 2 สัปดาห์.
ที่มา: www.thaipost.net