ส่องสังคมผ่านผลโพล! ทำไมอาหารเสริม-เครื่องสำอางผิดกม.จึงขายว่อนบนออนไลน์
Source - เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ (Th)

Wednesday, May 09, 2018  20:40
24295 XTHAI XETHIC SOC V%NETNEWS P%WPTD

          ผลโพลชี้ 5 เหตุผลที่ทำให้อาหารเสริมและเครื่องสำอางผิดกฎหมายยังขายว่อนบนสังคมออนไลน์ไทย
          -->เมื่อวันที่ 9 พ.ค. สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ได้เผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปต่อปัญหาการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเครื่องสำอางผิดกฎหมายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยสำรวจกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป เป็นเพศหญิงร้อยละ 52.84 และเพศชายร้อยละ 47.16 สามารถสรุปผลได้ดังนี้
          ในด้านความคิดเห็นเกี่ยวกับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเครื่องสำอางผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสามในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 77.1 มีความคิดเห็นว่าในปัจจุบันมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเครื่องสำอางต่างๆ เช่น อาหารเสริม ยาลดความอ้วน ครีมทำให้ผิวขาว เป็นต้น ผ่านสื่อสังคมออนไลน์มากเกินไป
          อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวอย่างถึงประมาณสี่ในห้าหรือคิดเป็นร้อยละ 80.15 เชื่อว่าผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเครื่องสำอางต่างๆ ที่จำหน่ายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมาย เช่น หลอกลวง/อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง ไม่มีคุณภาพ/ไม่ได้มาตรฐาน ส่วนประกอบไม่ตรงกับฉลาก มีส่วนประกอบที่เป็นอันตรายกับสุขภาพ ไม่มีเลขทะเบียน อ.ย./มีเลขทะเบียน อ.ย. ปลอม เป็นต้น
          สำหรับสาเหตุสำคัญสูงสุด 5 อันดับที่มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเครื่องสำอางผิดกฎหมายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ตามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่าง คือ กระบวนการตรวจสอบของหน่วยงานมีความล่าช้า คิดเป็นร้อยละ 84.82 มีผู้ต้องการซื้อสินค้าประเภทดังกล่าวมาก คิดเป็นร้อยละ 82.61 บทลงโทษทางกฎหมายเบาเกินไป คิดเป็นร้อยละ 79.81 ขาดการตรวจสอบอย่างรัดกุมในขั้นตอนขอจดทะเบียน คิดเป็นร้อยละ 76.84 และผู้จำหน่ายมีวิธีหลอกลวงให้ผู้ซื้อเชื่อถือ คิดเป็นร้อยละ 74.81
          ในด้านความรับรู้เกี่ยวกับช่องทางการตรวจสอบความถูกต้องของเลขทะเบียน อ.ย. นั้นกลุ่มตัวอย่างเพียงร้อยละ 29.35 ทราบช่องทางการตรวจสอบความถูกต้องของเลขทะเบียน อ.ย. ในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเครื่องสำอางต่างๆ ที่จำหน่ายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ขณะที่มีกลุ่มตัวอย่างถึงร้อยละ 70.65 ที่ไม่ทราบ
          ในด้านความคิดเห็นต่อดารานักแสดงที่รับโฆษณาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเครื่องสำอางผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 71.84 ระบุว่าตนเองไม่เห็นด้วยกับคำพูดของดารานักแสดงบางท่านที่บอกว่า “ดาราไม่มีหน้าที่ตรวจสอบผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเครื่องสำอางที่ตนเองรับโฆษณาว่าผิดกฎหมายหรือไม่” ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 20.61 เห็นด้วย ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 7.55 ไม่แน่ใจ
          ในด้านความคิดเห็นต่อการแก้ไขปัญหาการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเครื่องสำอางผิดกฎหมายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 61.32 มีความคิดเห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการออกเลขทะเบียนรับรองผลิตภัณฑ์จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเครื่องสำอางผิดกฎหมายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ให้หมดไปได้ ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 30.11 มีความคิดเห็นว่าสามารถแก้ไขปัญหาได้ ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 8.57 ไม่แน่ใจ
          ในด้านความคิดเห็นต่อการเอาผิดผู้ที่โฆษณาหรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเครื่องสำอางผิดกฎหมายผ่านสื่อสังคมออนไลน์นั้น กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 67.01 มีความคิดเห็นว่าควรเอาผิดกับดารานักร้องนักแสดงหรือผู้มีชื่อเสียงทางสังคมที่ทำหน้าที่โฆษณาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเครื่องสำอางผิดกฎหมายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ขณะที่กลุ่มตัวอย่างประมาณสามในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 75.66 มีความคิดเห็นว่าควรกำหนดบทลงโทษกับแพทย์-พยาบาล-เภสัชกรที่โฆษณาหรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเครื่องสำอางผิดกฎหมายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ให้หนักกว่าบทลงโทษปกติ
          ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขปัญหาการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเครื่องสำอางผิดกฎหมายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 73.62 มีความคิดเห็นว่าควรมีการเพิ่มบทลงโทษทางกฎหมายเกี่ยวกับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเครื่องสำอางให้สูงขึ้น ร้อยละ 72.86 มีความคิดเห็นว่าควรมีการเพิ่มขั้นตอนการตรวจสอบในการขอจดทะเบียนรับรองผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเครื่องสำอางให้มีความรัดกุมเข้มงวดมากขึ้น
          ร้อยละ 70.91 มีความคิดเห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเครื่องสำอางอย่างจริงจังต่อเนื่องโดยไม่ต้องรอให้มีผู้ร้องเรียนก่อน และร้อยละ 68.53 มีความคิดเห็นว่าหากมีการเพิ่มช่องทางตรวจสอบความถูกต้องของเลขทะเบียน อ.ย. ให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น จะมีส่วนช่วยลดปัญหาการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเครื่องสำอางผิดกฎหมายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ได้

          ที่มา: www.posttoday.com