ชงแยกขังนักโทษข่มขืน ไปสถานกักกันนครปฐม
Source - กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (Th)

Thursday, May 24, 2018  14:13
30418 XTHAI XPOL POL V%WIREL P%KTO

          ยธ.ชงแยกขังนักโทษก่อคดีอุกฉกรรจ์ กระทำผิดทางเพศซ้ำซาก ไปสถานกักกันนครปฐม หลังพ้นโทษต้องติดตาม ห้ามเข้าใกล้ที่พักเหยื่อ
          น.ส.ปิติกาญจน์ สิทธิเดช อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกกระทำในคดีความผิดทางเพศในโครงการนำร่องกาฬสินธุ์แฮปปี้เนส ว่า ที่ผ่านมา จ.กาฬสินธุ์มีคดีอาญาที่เกิดจากการกระทำความผิดทางเพศหลายคดี ทั้งคดีครูล่วงละเมิดทางเพศนักเรียน คดีผู้ใหญ่บ้านฆ่าข่มขืนเด็ก คดีชิต สายเบิร์น พยายามฆ่าและข่มขืนนักศึกษาสาว ซึ่งแต่ละคดีล้วนเป็นเหตุอุกฉกรรจ์ที่สร้างความหวาดกลัวให้กับครอบครัวของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อและผู้ถูกกระทำ. ดังนั้นกรมคุ้มครองสิทธิฯจึงเสนอแนวทางการปฎิบัติต่อผู้ต้องหาในคดีล่วงละเมิดทางเพศไปยังคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ(กพยช.) โดยกำหนดเป็นเกณฑ์มาตรฐานเพื่อความปลอดภัยของเหยื่อและครอบครัว เช่น ไม่ให้ประกันตัวผู้ต้องหาที่ทำผิดในคดีดังกล่าว ห้ามเข้าใกล้สถานที่หรือบริเวณที่เหยื่อหรือครอบครัวพักอาศัย ในกรณีที่ผู้ต้องหา หรือผู้กระทำความผิดมีอาชีพพิเศษ เช่น รับราชการ ครู จะต้องถูกเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพและไม่ให้กลับเข้ามารับราชการอีก
          รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิฯกล่าวอีกว่า สำหรับนักโทษหรือผู้ต้องหาที่มีสันดานโจรและเป็นอันตรายต่อสังคม โดยพบประวัติเคยก่อคดีความผิดทางเพศซ้ำซาก จะต้องถูกส่งตัวไปควบคุมยังสถานกักกันที่ จ.นครปฐมเพื่อให้แยกขังต่างหากจากนักโทษคดีทั่วไป นอกจากนี้ในแต่ละจังหวัดจะต้องมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนหญิงจังหวัดละ 2 คน ทำหน้าที่สอบสวนผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อคดีลวงละเมิดทางเพศ เพื่อป้องกันไม่ให้เหยื่อรู้สึกว่าถูกข่มขืนซ้ำจากการสอบสวนของพนักงานสอบสวนที่เป็นผู้ชาย เพราะเหยื่ออาจมีความรู้สึกไม่ปลอดภัยและไม่อยากตอบคำถามที่ถูกกระทำ
          “ข้อเสนอดังกล่าวถือเป็นพัฒนาการของกระบวนการยุติธรรมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 39 เนื่องจากที่ผ่านมากฎหมายละเลยสิทธิของเหยื่อและไม่เคยให้ความสำคัญผู้ที่ถูกกระทำผิด เมื่อพ้นโทษคนเหล่านี้จึงกลับมาก่อเหตุซ้ำ. โดยกพยช.จะประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ และยุติธรรมจังหวัดเพื่อสรุปแนวทางดังกล่าวในวันที่ 31 พ.ค.นี้ หลังจากได้ข้อยุติแล้วก็จะขยายผลเพื่อให้เจ้าหน้าที่แต่ละจังหวัดใช้เป็นแนวทางปฎิบัติต่อไป แต่เบื้องต้นข้อเสอให้มีพนักงานสอบสวนหญิงเพื่อทำหน้าที่สอบปากคำเหยื่อคดีล่วงละเมิดจังหวัดละ2 คนจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน ตรงนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องผลักดันให้เป็นนโยบายชัดเจน การมีพนักงานสอบสวนหญิงประจำอยู่ทุกสถานีตำรวจยังเป็นไปไม่ได้ แต่ให้มีประจำจังหวัดละ2 คนเชื่อว่าน่าจะทำได้ และจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่และผู้ถูกล่วงละเมิดเอง”อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิฯกล่าว

          ที่มา: www.bangkokbiznews.com