วันเสาร์ที่ ๕ กันยายน ๒๕๖๓ เวลา ๑๔.๐๐ นาฬิกา ณ ห้องวายุภักษ์ ๕ - ๗ ชั้น ๕ ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานสภาสถาบันพระปกเกล้า เป็นประธานในพิธีมอบเข็มกิตติคุณและประกาศนียบัตรสถาบันพระปกเกล้า ประจำปี ๒๕๖๓ ให้แก่ผู้สำเร็จการอบรม หลักสูตรต่าง ๆ ได้แก่ ๑. หลักสูตรประกาศนียบัตรแนวคิดพื้นฐานการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี ๒. หลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลของผู้บริหารระดับกลาง รุ่นที่ ๒๑ ๓. หลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาสำนักงาน การศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) (โรงเรียนสุจริต) รุ่นที่ ๕ ๔. หลักสูตรประกาศนียบัตรสิทธิมนุษยชนสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ ๑ ๕. หลักสูตรประกาศนียบัตรไทยกับประชาคมอาเซียนในเศรษฐกิจการเมืองโลก รุ่นที่ ๘ และรุ่นที่ ๙ ๖. หลักสูตรประกาศนียบัตรผู้นำยุคใหม่ในระบอบประชาธิปไตย รุ่นที่ ๙ โดยมี นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ น.ส. ศิริภา อินทวิเชียร ผูช่วยเลขานุการ ประธานสภาผู้แทนราษฎร และคณะผู้บริหารสถาบันพระปกเกล้า ร่วมพิธี
ในโอกาสนี้ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานสภาสถาบันพระปกเกล้า กล่าวแสดงความยินดี แก่ผู้ได้รับเข็มกิตติคุณ และผู้สำเร็จการศึกษาของสถาบันพระปกเกล้า ว่า "รู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีที่ได้มาเป็นประธานในพิธีมอบเข็มกิตติคุณสถาบัน พระปกเกล้าให้แก่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสถาบันพระปกเกล้า และขอแสดงความยินดีและ ขอชื่นชมทุกท่านที่ผ่านการศึกษาหลักสูตรสถาบันที่มีมาตรฐานทางการศึกษา อันเป็นที่ยอมรับ ขอชื่นชมทุกท่านด้วยใจจริง ความสำเร็จในวันนี้ เป็นผลมาจากความมุ่งมั่นทุ่มเท ให้กับสถาบัน พระปกเกล้า และการศึกษาอบรมในหลักสูตรของสถาบัน ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่แม้จะมีที่มาแตกต่างกัน ทั้งจากภาคราชการ ภาคเอกชน องค์กรอิสระ หรือภาคประชาสังคม แต่มีสิ่งที่เหมือนกันคือ ทุกคนจะมีส่วนช่วยสนับสนุนการพัฒนาการทางการเมือง และธำรงรักษา ไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้น จึงถือ เป็นหน้าที่และเป็นภารกิจอันสำคัญที่ทุกท่านจะได้นำความรู้ที่ได้รับ ทั้งจากภาคทฤษฎีและ ภาคปฏิบัติ จากการศึกษาอบรม ไปใช้ในกิจการงานของท่าน เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งในส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ความรู้จะเป็นประโยชน์ได้ดีนั้นต่อเมื่ออยู่กับผู้ที่มีคุณธรรม สำนึกรับผิดชอบ มีความซื่อสัตย์ มีความเป็นสุจริตชน ในทางตรงกันข้าม หากนำความรู้ ไปใช้ในทางทุจริตแล้ว อาจจะทำให้เกิดความเสียหาย ทั้งต่อสังคมและประเทศชาติได้ ทั้งหมดนี้ จะอยู่ที่ภาคปฏิบัติ ทั้งนี้ สิ่งสำคัญคือ การนำความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ต่อประเทศชาติ และขอเป็นกำลังใจและสนับสนุนให้ทุกคนได้ใช้ความรู้จากการศึกษา มาใช้ปฏิบัติ ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อไป" |