วันอังคารที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๓ เวลา ๑๓.๐๐ นาฬิกา ณ ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซนทราศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้เกียรติแสดงปาฐกถาในหัวข้อ บทบาทรัฐสภา : โอกาสและการท้าทายต่อการพัฒนาประชาธิปไตย และเป็น ประธานมอบวุฒิบัตรให้แก่ผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรวุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญและ ผู้ชำนาญการประจำตัวสมาชิกรัฐสภา และหลักสูตรวุฒิบัตรผู้ช่วยและผู้ปฏิบัติงาน ของสมาชิกรัฐสภา จัดโดย สำนักส่งเสริมวิชาการรัฐสภา สถาบันพระปกเกล้า ในการนี้ นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร ร่วมรับฟังการแสดงปาฐกถา โอกาสนี้ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ทุกท่านที่เข้ารับการอบรมในหลักสูตรดังกล่าว ถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบรัฐสภา ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยหลักประชาธิปไตยนั้นได้แบ่งแยกอำนาจออกเป็น ๓ ฝ่าย ประกอบด้วยฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรทั้ง ๓ ฝ่ายนั้น มีลักษณะ ถ่วงดุลตรวจสอบการใช้อำนาจซึ่งกันและกัน โดยทุกท่านตระหนักดีอยู่แล้วว่า การปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็นที่ยอมรับกันอย่างเป็นสากล เพราะสอดคล้อง กับธรรมชาติและจิตวิญญาณของมวลมนุษย์ ที่ต้องการเสรีภาพและความเป็นตัวของ ตัวเอง อันบ่งบอกถึงการมีความเท่าเทียมกันของทุกคน แต่การปกครองในระบอบนี้ ต้องอาศัยกลไกสำคัญคือระบบการมีตัวแทน อันได้แก่ ระบบรัฐสภา ดังนั้น การเลือกตั้ง ผู้แทนตามระบอบประชาธิปไตย จึงเป็นที่ยอมรับตามหลักสากลและสิ่งสำคัญยิ่งที่ต้องย้ำ เช่นกันคือ การมีประชาธิปไตยมิได้หมายถึงการมีการเลือกตั้งเท่านั้น และการลงคะแนนเสียง เลือกตั้งผู้แทนให้เข้ามาปกครองบริหารประเทศ มิใช่ว่าจะเลือกใครที่มีคุณสมบัติตาม กฎหมายเท่านั้นก็ได้ แต่จะต้องมีระบบกลั่นกรอง และสุดท้ายอยู่ที่การตัดสินใจของ ประชาชนที่จะต้องเลือกคนดี มีคุณภาพ และเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นในสังคมไทยคือการซื้อสิทธิ์ขายเสียงที่ทำให้การเมืองไม่สุจริต โดยเฉพาะในลักษณะของการซื้อเสียง ซึ่งเหมือนกับการลงทุน เมื่อได้อำนาจแล้วก็หา โอกาสถอนทุนคืนพร้อมกับสะสมทุนไว้สำหรับการลงทุนในการต่อไป วนเวียนเป็นวัฏจักร อยู่เช่นนี้ และจากสภาพเช่นนี้เองที่ทำให้มีความจำเป็นต้องสร้างการเมืองสุจริตขึ้นซึ่งรัฐสภา ถือเป็น ทั้งกลไกและหัวใจสำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จึงควรต้อง มีส่วนสำคัญในเรื่องนี้ ดังนั้น รัฐสภาจึงได้จัดโครงการเสริมสร้างการเมืองสุจริต ซึ่งต่อมา ได้เปลี่ยนชื่อโครงการเป็นการเสริมสร้างบ้านเมืองสุจริต เพราะเรื่องนี้จริง ๆ แล้วมิได้เกี่ยวข้อง แต่เฉพาะกับทางการเมืองเท่านั้น แต่จำเป็นต้องอาศัยการปลูกฝังเรื่องของประชาธิปไตย ที่สุจริตในหมู่ประชาชน และส่วนสำคัญของการเสริมสร้างการเมืองและบ้านเมืองสุจริตนั้น อยู่ที่การเลือกตั้งที่สุจริต โดยเริ่มตั้งแต่การต่อต้านการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ดังนั้น จึงขอให้ ทุกท่านช่วยกันทำการเมืองให้สุจริต เชื่อมั่นในการเมืองสุจริต ยืนหยัดในความถูกต้อง และ เคารพกฎหมายบ้านเมือง ไม่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร นอกจากนี้ รัฐสภา ซึ่งเป็นสถาบันด้านนิติบัญญัติมีหน้าที่หลักสำคัญในการออกกฎหมายเพื่อบังคับใช้กับ ประชาชนทั้งประเทศ ด้วยเหตุนี้สมาชิกรัฐสภาจะต้องปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างในเรื่อง ของการมีวินัย รักษากฎ กติกา และกฎหมายที่ตนเองเป็นผู้ร่าง โอกาสนี้ ขอให้กำลังใจ ทุกท่านที่ร่วมเสียสละเข้ามาทำงานที่สำคัญอย่างยิ่งของชาติในการช่วยสนับสนุน การทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาให้มีประสิทธิภาพ และให้ยึดมั่นในการซื่อสัตย์สุจริต สร้างผลประโยชน์ให้เกิดแก่ประชาชนและประเทศชาติให้เจริญยิ่งขึ้นต่อไป
|