'นายก'ยันไม่สืบทอดอำนาจ-คุมรัฐบาลใหม่
Source - เว็บไซต์เดลินิวส์ (Th)
Monday, July 31, 2017 14:21
56086 XTHAI XPOL POL V%NETNEWS P%WDN
เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังรับมอบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) ว่า ทุกคนในที่นี้ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะได้ร่วมกันทำงานเพื่อประเทศมากว่า 3 ปี วันนี้จึงเป็นการแสดงถึงความสำเร็จจากการร่วมมือร่วมใจของทุกคน โดยสปท. ทุกคนถือเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ ได้ทำประโยชน์และวางรากฐานให้กับประเทศชาติและคนไทย ด้วยความอดทนอดกลั้น เพราะทุกปัญหาสะสมมายาวนาน ทั้งนี้ทุกคนทราบดีถึงเหตุผลที่ตนต้องเข้ามา ซึ่งไม่อาจกล่าวอ้างได้ว่า ตนเองเป็นคนดีและเก่งที่สุดในการมาทำหน้าที่ตรงนี้ เพราะหากไม่มีเหตุการณ์วิกฤติการเมือง ประชาชนขัดแย้งแตกแยก และมีแรงกดดันจากภายใน-ภายนอกคงไม่เข้ามา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า หากสิ่งใดไม่ถูกต้องก็ต้องแก้ด้วยกฎหมาย ไม่เช่นนั้นจะมีผลกระทบกับประชาชน ซึ่งรัฐบาลและคสช. พยายามพูดชี้แจงมาตลอด มีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ แต่คนไทยไม่ชอบให้ใครมาสอนหรือแนะนำ ไม่ได้โทษประชาชนแต่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน เพราะทุกคนเลือกตั้งมาทุกรัฐบาล ที่ผ่านมามีการเปลี่ยนรัฐบาลมาตลอด ไม่มีรัฐบาลไหนอยู่ครบ 4 ปี ทุกอย่างถูกแก้ไขเป็นช่วงๆ เมื่อคนใหม่เข้ามาก็เลิกทำของเก่า จึงเป็นที่มาของทุกคนที่มานั่งในห้องนี้ อย่างไรก็ตามได้ติดตามการประชุมของสปท. มาตลอด จึงจำได้ว่าใครนั่งประชุมเป็นประจำ ใครนั่งโรงอาหาร แต่ไม่ได้ว่าอะไร เพราะคงไม่มีใครนั่งได้ทั้งวัน แต่ขออย่ากลับบ้านไปก่อนก็แล้วกัน
"วันนี้เราต้องเร่งกำจัดจุดอ่อน เหมือนเกมกำจัดจุดอ่อน เร่งแก้ปัญหาให้ได้ และโทษใครไม่ได้ แต่วันนี้ต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อวันหน้าไม่ให้มีใครมาโทษเราอีก จึงต้องมองไปข้างหน้าในเรื่องการปฏิรูปและยุทธศาสตร์ ที่เป็นเครื่องมือและกลไกในการเปลี่ยนแปลง จึงต้องเริ่มในระยะแรกให้เร็วที่สุด เพราะเราเสียเวลามานานแล้ว รัฐบาลและคสช.ไม่ได้คิดสืบทอดอำนาจ และรัฐบาลต้องรับผิดชอบทั้งหมดอยู่แล้ว แต่ทุกอย่างต้องมีเป้าหมายและโรดแม็พ และไม่ว่าใครก็ขออย่าทิ้งรัฐบาลไว้ข้างหลัง แต่ต้องไปด้วยกันทั้งหมด"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีต้องเป็นภารกิจคู่แฝดที่ทำควบคู่กันไป ย้ำว่า ไม่ได้บังคับหรือควบคุมรัฐบาลต่อไป แต่เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อน ดังนั้นการหาเสียงเลือกตั้งในครั้งหน้า ต้องดูว่าพรรคใดหาเสียงได้ตรงกับยุทธศาสตร์ชาติบ้าง ไม่ใช่หาเสียงว่าจะให้นั่นให้นี่ ซึ่งตนไม่ได้ว่าใครผิดใครถูก เพราะจะหาว่าพูดก่อนที่ศาลจะตัดสิน และไม่ได้เป็นการซ้ำเติม เพราะเป็นเรื่องเดิมทั้งสิ้นที่องค์กรอิสระเสนอมา รัฐบาลแค่อำนวยความสะดวก ส่วนศาลจะตัดสินว่าอย่างไรก็ต้องว่าไปตามหลักฐาน แต่คนไทยชอบตัดสินเองทุกเรื่อง ตนก็ปวดหัว รัฐมนตรีก็ปวดหัวตามไปด้วย บางท่านก็รับไม่ไหวบอกว่าไม่ต้องไปฟังทุกเรื่อง แต่มันไม่ได้ เพราะมีการปลุกระดมอยู่ข้างล่าง หากมีประโยชน์ก็นำมาปฏิบัติ แต่หากไม่สร้างประโยชน์ก็ทำให้โมโห เพราะทำให้การทำงานมีปัญหาไปหมด
"การปฏิรูปและยุทธศาสตร์ชาติก็เป็นเหมือนเครื่องยนตร์ขับเคลื่อนประเทศ เพื่อไม่ให้เสียบนสะพานหรือกลางสะพาน วันนี้เราอยู่บนสะพานที่กำลังก้าวข้ามแม่น้ำเชี่ยวกราด ท้ายที่สุดหากตกสะพานเองก็ไม่เป็นไร เพราะสุดท้ายสะพานก็ถูกทุบทิ้งอยู่ดี แต่ก็ไม่เป็นไรต้องว่ายน้ำให้เป็น หรือใส่ชูชีพ ผมไม่กลัวอยู่แล้ว เพราะผมว่ายน้ำเป็น ต้องดูแลตัวเอง แต่ประเทศชาติต้องมาก่อน"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ในช่วงท้ายพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่ามีบางคนบอกว่า ตนเองพูดมากและสภาที่แล้วก็พูดมากแบบนี้ แต่ยืนยันว่าพูดแล้วทำ สภาที่แล้วพูดแต่ไม่ทำ อย่างไรก็ตามนายกฯได้ขอกำลังใจทุกคนโดยร่วมกันปรมมือ เสียงดังเกรียวกราวลั่นห้องประชุมรัฐสภาก่อนที่นายกฯจะลงมาพบปะทักทายผู้ที่มาร่วมงาน
เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังรับมอบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) ตอนหนึ่งถึงการเรียกร้องให้ปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า เรียกร้องให้ปรับทุกวัน อะไรทำไม่ได้ก็ให้เปลี่ยนหมด เพราะปัญหามากมาย แต่ไม่ได้อยู่ที่ตัวรัฐมนตรี ไม่เช่นนั้นตนคงต้องปรับครม. ทั้งหมด หรือเปลี่ยนนายกฯ ซึ่งตนรับผิดชอบอยู่แล้ว เพราะทุกคนนั่งทำงานด้วยกันทั้งหมด นอกจากนี้ขอให้ทุกคนระมัดระวังเรื่องสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งก็โดนมาเยอะ แต่มั่นใจว่าสู้ได้เพราะเชื่อว่าไม่ได้ทำอะไรผิด แต่อาจผิดอยู่วันเดียว คือ วันที่ 22 พ.ค. 2557
"ไม่ใช่ทุกคนชอบแต่ลุงตู่ แต่ไม่มีใครชอบรัฐมนตรี ให้ผมปรับหมดแล้วผมจะอยู่กับใคร ใครจะทำ ให้กำลังใจกันบ้าง แล้วบอกรัฐมนตรีโลกลืม แต่คุณไม่ฟังคนอื่น ฟังแต่ผม แล้วนักข่าวถามรัฐมนตรีว่าทำไมไม่พูด เขาพูดทุกวัน แต่พอพูดต่อนายกฯ สื่อก็ไปหมด โทษใครไม่ได้ และผมเปิดทางให้มา 3 ปีแล้ว ด่าบ้าง ชมบ้าง วันนี้อย่าเอาสิ่งไม่ดีมาตีระบบ มีปัญหาตรงไหนก็ต้องแก้ตรงนั้น เช่นการปฏิรูปตำรวจที่ปฏิรูปจนป่นไปหมดแล้ว ไม่ใช่รื้อตำรวจทั้งหมดมันยาก หรือทหารที่บอกว่าไม่ดี ให้รื้อทหารทั้งหมด เพราะผมปฏิวัติ แล้วจะอยู่กันอย่างไร วันนี้ก็อยู่ภายใต้รัฐบาลอยู่แล้ว และผมก็ฟังรัฐบาลที่แล้ว เขาสั่งอะไรก็ทำหมด ไม่เคยเบี้ยว เพียงแต่ 22 พ.ค. หน่อยเดียวเท่านั้นเอง ก็เพราะมันมีเรื่องเลยต้องทำ"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการสั่งงดการจำหน่ายอาหารในบริเวณรัฐสภา จนทำให้ผู้ค้าได้รับความเดือดร้อน โดยอ้างว่าเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยในงานส่งมอบผลงานจากสปท. ในวันเดียวกันนี้ว่า ขอให้มีการจ่ายเงินชดเชยให้บรรดาร้านค้าที่ไม่ได้เข้ามาขายของในรัฐสภาในวันนี้ด้วย เพราะมีการร้องเรียนมายังตนว่า มีการห้ามไม่ให้เข้ามาขายของจนได้รับความเดือดร้อน
สำหรับอาหารกลางวันที่นายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพในการเลี้ยงอาหารแม่น้ำ 5 สาย ประกอบด้วย ผัดผักรวมมิตรกุ้ง กระดูกหมูตุ๋นเยื่อไผ่ แกงส้มชะอมทอดใส่กุ้ง ปลาและปลาหมึกทอดกระเทียม ผลไม้รวมและขนมไทย อาทิ ทองหยิบ ทองหยอด ตะโก้ เป็นต้น ขณะเดียวกันยังมีซุ้มอาหารญี่ปุ่น ก๋วยเตี๋ยวหมูเด้ง ส้มตำไก่ย่าง และอาหารมุสลิม ให้เลือกรับประทานได้ ทั้งนี้ยังได้จัดอาหารให้กับสื่อมวลชนด้วย โดยก่อนการรับประทานอาหารนายกรัฐมนตรีได้ลงมาบริเวณชั้น 1 อาคารรัฐสภา 1 เพื่อทักทายและขอบคุณสมาชิก สปท. สนช. รวมทั้งข้าราชการระดับอธิบดีและปลัดกระทรวงต่างๆ ที่ได้ร่วมทำงานกันมา จากนั้นนายกรัฐมนตรีก็ขึ้นไปรับประทานอาหารที่บริเวณ ชั้น 2
ส่วนโต๊ะรับประทานอาหารเที่ยงของนายกรัฐมนตรี มีผู้ร่วมโต๊ะประกอบด้วย นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท. นายเทียนฉาย กีระนันทน์ อดีตประธาน สปช. นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. เป็นต้น
ทั้งนี้สมาชิกสปท.ได้รับหนังสือผลงาน ของสปท. คนละชุด ขณะที่นายเฉลิมศักดิ์ อบสุวรรณ สปท.ได้ทำตุ๊กตาช้าง และหมี สวมเสื้อสีน้ำเงิน สกรีนด้านหน้าว่า สปท. มาแจกให้กับสมาชิกเป็นที่ระลึกด้วย.
ที่มา: http://www.dailynews.co.th