"กก.ปฏิรูปตำรวจ"เคาะรวมงานสืบสวน-สอบสวน
Source - เว็บไซต์เดลินิวส์ (Th)

Wednesday, September 20, 2017  14:46
23698 XTHAI XPOL POL V%NETNEWS P%WDN

          เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ที่รัฐสภา พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ อนุกรรมการด้านการบังคับใช้กฎหมายและระบบการสอบสวนคดีอาญา ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมเห็นด้วยกับข้อเสนอคณะอนุกรรมการเกี่ยวกับโครงสร้างของพนักงานสอบสวนเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปในเบื้องต้น โดยคณะกรรมการฯเห็นว่าควรจะใช้วิธีผสมผสานการทำหน้าที่ระหว่างตำรวจในด้านสอบสวนและสืบสวน ซึ่งต่อจากนี้เราจะให้ใช้ตำแหน่งสืบสวนสอบสวนแทน สำหรับการเจริญเติบโตในหน้าที่ของพนักงานสืบสวนสอบสวนนั้น คณะอนุกรรมการฯเสนอ 2 ทาง คือ 1.ให้เลื่อนในสายงานหลัก เลื่อนตำแหน่งเมื่อมีตำแหน่งว่าง 2.กรณีตำแหน่งในสายงานพนักงานสอบสวนโดยเฉพาะ ให้เลื่อนในตำแหน่งที่ครอง เป็นการเลื่อนตำแหน่งจากการประเมิน โดยพนักงานสืบสวนสอบสวนสามารถเลื่อนขึ้นไปได้ถึงรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
          “เหตุผลที่ต้องนำเรื่องสืบสวนสอบสวนมารวมกันนั้น เพราะว่าทั้ง 2 เรื่องนี้แยกจากกันไม่ออก การได้มาซึ่งหลักฐานไปสู่การสอบสวนนั้นต้องมาจากการแสวงหาหลักฐานที่เรียกว่าการสืบสวนเพื่อประสิทธิภาพในการทำหน้าที่”พล.ต.อ.ชัชวาลย์ กล่าว
          พล.ต.อ.ชัชวาลย์ กล่าวต่อว่า สำหรับสายงานบังคับบัญชานั้น งานสืบสวนสอบสวนยังคงอยู่ภายใต้กำกับดูแลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพราะมีความจำเป็นที่สตช.ยังต้องรับผิดชอบอยู่ ประกอบกับการทำงานยังต้องใช้บุคลากรและสถานที่ทำงาน จะไม่มีการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นมาแต่อย่างใด ยังคงอยู่ในสถานีตำรวจ อย่างไรก็ตาม โจทย์ใหญ่ถัดไปที่คณะกรรมการฯต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ผู้บังคับบัญชา ตำรวจที่มียศสูงกว่าเข้ามากลั่นแกล้งหรือแทรกแซงการทำหน้าที่และโยกย้ายตำแหน่งของพนักงานสืบสวนสอบสวน
          เมื่อถามถึงวิธีการที่จะทำให้งานสืบสวนสอบสวนเป็นอิสระ ไม่ถูกแทรกแซง พล.ต.อ.ชัชวาลย์ กล่าวว่า มีข้อเสนอแต่ยังไม่ยุติ โดยให้หัวหน้าสถานีไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อคดี แต่อาจเข้าไปช่วยดูแลเรื่องบุคลากร งบประมาณ เป็นต้น ส่วนกรณีผู้บังคับบัญชาสามารถให้คุณให้โทษแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาได้นั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับการประเมินเพื่อนำไปสู่ความดีความชอบ และการเลื่อนตำแหน่ง ซึ่งเป็นบทบาทที่ไม่เด็ดขาด โดยหัวหน้าสถานีจะไม่ได้ประเมินแบบใกล้ชิด แต่จะประเมินจากภาพรวมอาจประเมินในทางลบหรือบวกก็ได้ ทำให้หัวหน้าสถานีช่วยคานกับหัวหน้างานสืบสวนสอบสวนที่อาจช่วยกัน กรณีดังกล่าวก็เหมือนกับราชการทั่วไป ทั้งนี้ เราต้องทำกฎหมายเขียนคุ้มครองความเป็นอิสระของพนักงานสอบสวน.

          ที่มา: http://www.dailynews.co.th