คอลัมน์: ไทยโพสต์: ความหวัง...ปฏิรูปประเทศ
Source - ไทยโพสต์ (Th)

Monday, June 11, 2018  03:03
3040 XTHAI XGEN DAS V%PAPERL P%TPD

          ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง "การปฏิรูปประเทศ 11 ด้าน" ที่จัดทำและเผยแพร่โดยกรมประชาสัมพันธ์ ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมมือกับศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) นับเป็นภาพสะท้อนที่น่าสนใจ หากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศทุกภาคส่วนจะนำไปกลั่นและกรองเป็นแผนเพื่อการบริหารจัดทำที่จับต้องได้ ไม่ใช่เป็นแค่เครื่องมือในการหาความชอบธรรมกุมอำนาจรัฐ หรือเป็นอาวุธในการหาเสียงสร้างฝันลมๆ แล้งๆ เมื่อถึงฤดูกาลเลือกตั้งเท่านั้น
          ข้อมูลเบื้องต้นที่น่าสนใจเห็นจะเป็นการที่ประชาชนมากกว่าครึ่งหนึ่ง หรือ 64.98% ที่ตอบแบบสอบถามระหว่างวันที่ 26-31 พฤษภาคม 2561 จากประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 2,039 หน่วยตัวอย่างนั้น เข้าใจว่าการปฏิรูปประเทศ คือ การเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้นอย่างมีระบบ ระเบียบ มีแผน มีเป้าหมายที่ชัดเจน ประเมินผลได้และรู้ว่าใครทำอะไร นอกจากนั้นที่เหลือก็ตอบในทำนองเดียวกันว่า การปฏิรูปประเทศคือ การเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้น แต่แตกต่างกันที่ช้า เร็ว หรือวิธีการเท่านั้น
          ย่อมหมายถึงความคาดหวังของประชาชนว่า ประเทศไทยต้องดีขึ้นแน่นอนไม่มากก็น้อยจากการปฏิรูป ส่วนจะดีขึ้นในด้านใดบ้างนั้น ถือเป็นมุมมองความรู้สึกส่วนตัว ที่สะท้อนจากสังคมของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 68.51 คาดหวังว่าการปฏิรูปประเทศจะช่วยให้ประชาชนทุกกลุ่ม เกษตรกร รับจ้าง ผู้สูงอายุ คนพิการ ฯลฯ ได้รับสวัสดิการที่ดีขึ้น อย่างทั่วถึงไม่ตกหล่น ร้อยละ 57.48 คาดหวังว่าการปฏิรูปประเทศจะช่วยให้ประชาชนได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว และเท่าเทียมกัน ร้อยละ 56.50 คาดหวังว่าการปฏิรูปประเทศจะช่วยให้ไม่มีการโกง ไม่มีเส้นสาย ไม่มีอุปถัมภ์ คนทุจริตทั้งผู้ให้และผู้รับไม่ว่ารวย-จน หรือมีตำแหน่งต้องได้รับโทษ ..เป็นต้น
          น่าคิดและน่าตรึกตรองมากที่สุดก็เห็นจะเป็นความคิดเห็นของประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 81.17 ที่บอกว่า การปฏิรูปประเทศเป็นหน้าที่ของรัฐบาล รองลงมาร้อยละ 76.95 บอกเป็นหน้าที่ของประชาชน ยังมีร้อยละ 47.87 เห็นว่าหน้าที่นี้ต้อง คสช. มีเพียงร้อยละ 26.88 ที่เชื่อว่าเป็นหน้าที่ของนักการเมืองและพรรคการเมือง!!! ซึ่งฟ้องบอกว่า ประชาชนมิได้มีความศรัทธาหรือเชื่อมั่นต่อนักการเมืองและพรรคการเมืองสักเท่าไร แต่ในทางตรงกันข้าม ประชาชนเกือบครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 46.35 คิดว่าสิ่งที่ทำให้การปฏิรูปประเทศประสบความสำเร็จ คือ พรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง
          ปราศจากความหวังที่จะเห็นนักการเมืองและพรรคการเมืองทำหน้าที่ในการปฏิรูปบ้านเมือง แต่เชื่อมั่นว่า หากนักการเมืองและพรรคการเมืองเห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง การปฏิรูปประเทศจะประสบความสำเร็จ เป็นนัยสำคัญที่สะท้อนได้อย่างชัดเจนจะแจ้งและซ้ำซากว่า ประเทศจะเดินหน้าพัฒนา ปฏิรูปไปในทิศทางที่ต้องการหรือพึงปรารถนาได้มากน้อยเพียงใด หรือว่าจะถอยหลังเข้าคลองนั้น กลุ่มชนที่เป็นตัวแปรตั้งต้นทุกเรื่องทุกปัญหาคือ กลุ่มอาชีพนักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองจากการเลือกตั้งหรือนักการเมืองจากการยึดอำนาจรัฐประหารก็ตาม
          แต่น่าแปลกใจเหลือเกินว่า วันนี้ไม่พบไม่เห็นนักการเมืองคนไหน ใส่ใจ สน ใจต่อประเด็นการปฏิรูปบ้านเมืองอย่างมีระบบ และเอาจริงเอาจังต่อเนื่องเลย นอก จากหยิบประเด็นปัญหาระบบการเลือกตั้ง มาเป็นหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์โจมตีกันไปมา แล้วอ้างความชอบธรรมว่า นี่คือการปฏิรูปการเมือง ทั้งๆ ที่เนื้อแท้ของความเคลื่อนไหวต่างๆ คือการแย่งชิงอำนาจด้วยการประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าบนผลประโยชน์ของนักการเมืองทั้งที่สังกัดพรรคการเมืองและยังร่อนเร่พเนจรอยู่ระหว่างการตัดสินใจ
          ฉะนั้น หากอยากเห็นความหวังในการปฏิรูปประเทศเป็นจริง มิใช่แค่เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ หรือสูตรสำเร็จเพื่อใช้ในการหาเสียงเท่านั้น นับเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่จะต้องลงมือทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนเจ้าของประเทศที่ต้องยอมรับร่วมกันว่า การปฏิรูปคือการเปลี่ยนแปลง ซึ่งบางครั้งเราต้องยอมสละความสบายส่วนตัว ความเคยชินที่เคยได้รับ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติหรือส่วนรวมเป็นหลัก  เพราะถ้าก้าวข้ามประโยชน์ส่วนตนไม่ได้ ก็ยากที่จะปฏิรูปประเทศได้อย่างต่อเนื่องสำเร็จตามเป้าหมาย แต่เราจะได้นักการเมืองแบบเก่าที่ชอบสัญญาว่าจะให้ เพื่อก้าวสู่อำนาจรัฐ ซึ่งก็คือการย่ำอยู่กับที่เก่านั่นแหละ.--จบ--

          ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์