นายสุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าว ชี้แจงกรณีพระครูอมรธรรมทัต เจ้าอาวาสวัดพันอ้น จ.เชียงใหม่ เดินทางเข้าขอแจ้งความดำเนินคดีกับ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาทุกคน

วัยจันทร์ที่ 9 สิงหาคม 2564 เวลา 10.15 นาฬิกา ณ จุดให้สัมภาษณ์ ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายสุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าว ชี้แจงกรณีพระครูอมรธรรมทัต (อมรทัตต์ เหลี่ยมประกายแก้ว) เจ้าอาวาสวัดพันอ้น จ.เชียงใหม่ เดินทางเข้าขอแจ้งความดำเนินคดีกับ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาทุกคน โดยกล่าวหาว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เข้าใจถึงเจตนาดีที่เจ้าอาวาสได้คุ้มครองพระพุทธศาสนาและพระครูอมรธรรมทัต ได้มีหนังสือเรียน นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง เร่งรัดให้ฝ่ายนิติบัญญัติ ออกพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 วรรค 5 บัญญัติว่าประธานรัฐสภาและผู้ทำหน้าที่แทนประธานรัฐสภาต้องวางตนเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น การเสนอร่างพระราชบัญญัติ ดังกล่าวเป็นดุลยพินิจของฝ่ายบริหารหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ได้ส่งเรื่องไปยังประธานคณะ กมธ.การศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 63 จนกระทั่งเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 64 ประธานคณะ กมธ.การศาสนาศิลปะและวัฒนธรรมได้มีหนังสือแจ้งกลับมาที่ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ว่าร่างที่เจ้าอาวาสวัดพันอ้น เสนอมีหลักการและเหตุผลสอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พ.ศ. .... เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนคณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาที่คณะ กมธ. ยกร่างเสร็จแล้ว และก็เสนอต่อสำนักนายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้วทราบว่า ทางคณะ กมธ.ได้มีหนังสือแจ้งไปยังเจ้าอาวาสทราบแล้วเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 64 ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้ทำตามอำนาจหน้าที่ ไม่ได้ละเลยต่อข้อเสนอของร่างกฎหมายดังกล่าวต่อไป