|
 |
|
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร  |
นายณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล และที่ปรึกษาคณะ กมธ.กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ และคณะ แถลงข่าว ๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 1 ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2565 |
|
|
| วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน 2565 เวลา 13.15 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล และที่ปรึกษาคณะ กมธ.กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ และคณะ แถลงข่าวว่า ชุมชนม้งชาวม่อนแจ่ม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ อยู่อาศัยและทำกินมาตั้งแต่ปี 2447 แล้ว ก่อนมีการประกาศใช้กฎหมายเกี่ยวกับที่ดินและป่าไม้ ซึ่งชาวบ้านมีสัญชาติไทย มีเลขที่บ้าน มีผู้ใหญ่บ้าน โดยอยู่และทำกินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ได้รับการส่งเสริมจากทางรัฐในเรื่องของการท่องเที่ยวเป็นวิสาหกิจชุมชนและชุมชน ชาวบ้านสามารถจัดวิสาหกิจชุมชนได้เป็นอย่างดีในหลายรูปแบบ อาทิ โฮมสเตย์ แต่มาวันนี้มีเจ้าหน้าที่หลายร้อยนายพร้อมอาวุธครบมือเข้าไปทุบทำลายที่อยู่อาศัย และทำราวกับว่าชาวบ้านม้งทำผิดกฎหมายร้ายแรง เนื่องจากในรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 70 ได้กำหนดไว้ชัดว่า ให้รัฐมีหน้าที่พึงส่งเสริมและให้ความคุ้มครองชาวไทยกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ แต่พบว่าเจ้าหน้าที่สร้างความเดือดร้อนและสร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวไทยเชื้อสายม้ง โดยมาทำลายสิ่งที่รัฐร่วมสร้างมากับชุมชน และจะให้ชุมชนทำได้เพียงการปลูกผักเท่านั้น จึงขอเรียกร้องไปยังรักษาการนายกรัฐมนตรีและทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้าไปดูแลช่วยเหลือกลุ่มชาติพันธุ์ให้สามารถอยู่อาศัยและทำกินได้อย่างสงบสุข หยุดการบุกรื้อทำลายบ้านเรือนของชาวม้ง และตรวจสอบเจรจาหาข้อเท็จจริง ตลอดจนหาทางออกเพื่อให้ชาวบ้านม้งสามารถดำรงชีวิตอย่างปกติสุข หากพบว่าชาวม้งเป็นผู้บุกรุกใหม่ ให้แจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ไม่ใช่ใช้อำนาจและกำลังเข้ามารื้อถอนทำลายโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรม แต่หากพบว่าชาวม้งอยู่ทำกินมาก่อนก็ต้องออกเอกสารสิทธิในที่ทำกินให้ชาวม้ง ซึ่งชาวม้งได้โต้แย้งว่า ไม่ได้ทำผิดกฎหมายเนื่องจากอยู่อาศัยและทำกินมาก่อนและเป็นปัญหากันมาตลอด โดยปัจจุบันมีชาวม้งอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าหลายพันชุมชน กระทบกับชาวม้งนับล้านคน ซึ่งรัฐบาลได้มีมติ คณะรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขปัญหานี้เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 53 เรื่องแนวนโยบายและหลักปฏิบัติในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง และให้ใช้กับกลุ่มชาติพันธุ์อื่นที่มีปัญหาคล้ายคลึงกัน โดยให้ยุติการจับกุมและให้ความคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์ในกรณีที่เป็นพื้นที่ชุมชน ท้องถิ่นดั้งเดิม และมีปัญหาเป็นพื้นที่พิพาทกับรัฐ และขอให้ตั้งกรรมการเข้ามาตรวจสอบ ทั้งนี้ มีกรณีศึกษา คือ กรณีเจ้าหน้าที่อุทยาน เข้าไปเผาทำลายบ้านและทรัพย์สินของปู่คออี้และชาวบ้านกะเหรี่ยงที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โดยศาลปกครองสูงสุด ได้ออกมายืนยันว่า การที่เจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ส.ค. 53 เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายและคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ตลอดจนมติคณะรัฐมนตรีด้วย เพื่อลดความเดือดร้อนของชาวม้ง |
 |
 |
 |
 |
|
