ก.พาณิชย์ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจเข้มร้านค้า ยอดร้องเรียนผ่านสายด่วน 1569 ช่วง ต.ค.-พ.ย.ยังมีกว่า 200 ราย

๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 11 ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2558

ก.พาณิชย์ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจเข้มร้านค้า ยอดร้องเรียนผ่านสายด่วน1569 ช่วงต.ค.-พ.ย.ยังมีกว่า200ราย
Source - เว็บไซต์แนวหน้า (Th)

Friday, December 11, 2015  06:00
55886 XTHAI XECON V%NETNEWS P%WNN

          นายวรวุฒิ ทังสุภูติ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบและปฏิบัติการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2558มีประชาชนร้องเรียนผ่านสายด่วน 1569 ของกรมการค้าภายใน ไม่มากนักเพียง 200 กว่ารายจากทั่วประเทศส่วนใหญ่ร้องเรียนเรื่องอาหารสำเร็จรูปราคาแพง ไม่มีการปิดป้ายแสดงราคา ซึ่งกรมได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบในทันทีหลังได้รับการร้องเรียน
          โดยในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2558 กรมได้ดำเนินการปรับผู้ค้า ในกรณีที่ไม่ติดป้ายแสดงราคาจำนวน 30-40 ราย รวมเป็นเงินกว่า 1.7 แสนบาท ขณะที่ในช่วง 11 เดือนแรกปี 2558 ก็ได้ทำการปรับผู้ค้าในกรณีเดียวกันเป็นจำนวน 2,000 ราย รวมเป็นเงิน 672,200 บาท
          “กรมได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบทุกรายที่มีการร้องเรียนเข้ามาว่ามีการติดป้ายแสดงราคาหรือไม่ โดยส่วนมากจะพบอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยว ย่านการค้า แหล่งชุมชน และในกรณีอาหารแพง ก็พบในหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารติดแอร์ โดยร้านมักจะอ้างว่าติดแอร์บ้าง มีค่าบริการบ้าง กรมก็จะเปรียบเทียบราคาตามเมนูของร้านค้ากับร้านค้าอื่นๆ เพื่อพิจารณาว่าจำหน่ายในราคาสมเหตุสมผลหรือไม่หากพบว่าไม่ติดป้ายแสดงราคาหรือจำหน่ายสูงเกินจริงก็จะเจรจาให้ร้านค้าแก้ไขทันที” นายวรวุฒิ กล่าว
          ทั้งนี้ ในรอบปีที่ผ่านมา การร้องเรียนผ่านสายด่วน 1569 ในเรื่องหลักๆ นั้น จะเป็นเรื่องอาหารสำเร็จรูป ยกเว้นในช่วงภาวะไม่ปกติ ก็จะมีเรื่องอื่นๆ เข้ามา เช่น ในช่วงที่น้ำดื่มขาดแคลน ก็จะแจ้งเข้ามาจำนวนมาก หรือในช่วงที่ภาครัฐปรับลดราคาแก๊สหุงต้ม แต่หากร้านขายปลีกไม่ลดราคาลงตามที่กำหนด ประชาชนก็จะร้องเรียนเข้ามา กรมก็จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบทันที
          อย่างไรก็ตาม ในช่วงเทศกาลปีใหม่ กรมได้กำชับไปยังพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ให้มีการติดตาม ตรวจสอบ ในการปิดป้ายแสดงราคา การจำหน่ายอาหารราคาสูงเกินควร อย่างเข้มงวดและใกล้ชิด อีกทั้งกรมจะนำโครงการ “หนูณิชย์...พาชิม” เข้าไปเสริมในการดูแลค่าครองชีพประชาชน ปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมโครงการแล้ว 3,312 ร้าน และจะประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อให้ประชาชนรู้จักมากขึ้น
          นอกจากนี้ ยังได้ส่งเสริมโครงการ “ตลาดต้องชม” ซึ่งเป็นตลาดชุมชน เพื่อสร้างรายได้ในท้องถิ่น ยกระดับมาตรฐานเรื่องความสะอาด สะดวก ปลอดภัย ราคายุติธรรม เที่ยงตรง ที่เป็นเอกลักษณ์ของกระทรวงพาณิชย์ รวมเข้ากับเอกลักษณ์ของวิถีชุมชนนั้นๆ มีเป้าหมายพัฒนาตลาดต้องชมภายในปี 2559 ให้ครบ 77 แห่ง โดยทั้ง2 โครงการ จะช่วยในการกำหนดราคาจำหน่ายที่เหมาะสมได้

          ที่มา: http://www.naewna.com