รมว.ยธ.กำชับดีเอสไอ ทำคดีรถหรูเท่าเทียม เตรียมถกแก้ปมอาหาร ราชทัณฑ์
Source - เว็บไซต์ไทยรัฐ (Th)

Tuesday, May 30, 2017  17:20
44786 XTHAI XPOL POL V%NETNEWS P%WTR

          รมว.ยธ.กำชับ ดีเอสไอ ทำคดีรถหรู เท่าเทียม ตามหลักข้อเท็จจริง เผย ยธ.-มท.เตรียมถกแก้ปมอาหาร “ราชทัณฑ์” เพื่อหวังกำจัดข้อครหาผูกขาดของหน่วยงาน หากพบ
          วันที่ 30 พ.ค.เมื่อเวลา 13.10 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบสวนและดำเนินคดีกับขบวนการหลีกเลี่ยงภาษีการนำเข้ารถยนต์หรูจากต่างประเทศ ว่า กำลังรวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลจากต่างประเทศที่ทางการไทยประสานงานกับแต่ละประเทศ เช่น ประเทศอิตาลี อังกฤษ เป็นต้น ซึ่งในส่วนของอังกฤษส่งข้อมูลแจ้งมาว่า เขามีรถยนต์หรูสูญหายไป 40 กว่าคัน ซึ่งฝ่ายไทยกำลังไปตรวจสอบให้ ถ้าพบเจอ ก็ต้องดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องไปตามกฎหมาย ตนได้มอบนโยบายแก่ดีเอสไอ ไปแล้วว่า การสอบสวนเรื่องนี้ ต้องดำเนินการอย่างเท่าเทียมกัน ทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลักฐานและข้อเท็จจริงที่มีอยู่
          เมื่อถามว่า จะดำเนินคดีกับข้าราชการระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ด้วยหรือไม่ นายสุวพันธุ์ ตอบว่า ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของดีเอสไอ อย่างไรก็ตาม ตนทราบมาว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้เข้ามาร่วมตรวจสอบอีกทางหนึ่งด้วย
          นายสุวพันธุ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่บริษัทเอกชน ร้องเรียนให้กรมราชทัณฑ์ยกเลิกการใช้วิธีพิเศษด้วยระบบประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (อี-บิดดิ้ง) ในการจัดซื้ออาหารดิบเพื่อประกอบอาหารแก่ผู้ต้องขัง เพราะทำให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และองค์การตลาด (อต.) ได้รับสิทธิพิเศษ ว่า ตนได้พูดคุยกับนายสุธี มากบุญ รมช.มหาดไทย แล้ว โดยจะมีการนัดหารือกันระหว่างกระทรวงยุติธรรม กับกระทรวงมหาดไทย เพื่อร่วมพิจารณาหารือถึงข้อกฎหมายและแนวทางปฏิบัติในเรื่องนี้ว่า เป็นอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ มีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว โดยต้องพิจารณาว่า อต.ที่สังกัดกระทรวงมหาดไทย สามารถดำเนินการได้หรือไม่ตามกฎหมาย และกรมราชทัณฑ์ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ ซึ่งกระทรวงยุติธรรม และกระทรวงมหาดไทยมีนโยบายว่า ต้องทำให้ถูกต้องตามระเบียบ นอกจากนี้ จะพิจารณาข้อร้องเรียนของภาคเอกชนด้วยว่า มีการเอื้อให้ อต.และ อ.ต.ก.ได้ผูกขาดการจัดซื้อดังกล่าวจริงหรือไม่

          ที่มา: www.thairath.co.th