ผู้ว่าฯตรังช่วยเคลียร์!ชาวบ้านถูกปิดทางเข้า-ออก เหตุขัดแย้งเพื่อนบ้านรอบด้าน
Source - เว็บไซต์แนวหน้า (Th)

Thursday, June 08, 2017  09:30
28139 XTHAI XLOCAL V%NETNEWS P%WNN

          -->
          8 มิ.ย.60 จากกรณีที่ นางสาวอัญชิษฐา ชูชีพ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ 4 ต.นาเมืองเพชร อ.สิเกา ร้องเรียนว่า บ้านของตนถูกปิดเส้นทางที่จะเดินทางออกบ้านเนื่องจากเจ้าของบ้านข้างเคียงมีการสร้างรั้วลวดหนาม และกำแพงปิดกั้นเส้นทางจึงไม่มีทางออก ลูกๆต้องปีนกำแพงลุยสวนปาล์มไปโรงเรียน ทำให้ตนและครอบครัวได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก จึงร้องขอความช่วยเหลือจากผ่าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต.นาเมืองเพชร อำเภอ และจังหวัดไปแล้วนั้น
          ล่าสุดนายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายสมเกียรติ ดวงมณี นายอำเภอสิเกา นายสมปอง พ่วงปูน กำนันตำบลนาเมืองเพชร นายสมคิด ยงประเดิม สารวัตรกำนันตำบลนาเมืองเพชร และนายสายัณห์ ยงประเดิม สมาชิกสภาเทศบาลตำบลนาเมืองเพชร อ.สิเกา จ.ตรัง ได้เดินทางมายังบ้าน นางสาวอัญชิษฐา ชูชีพ อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 38 หมู่ 4 บ้านนาเมืองเพชร ต.นาเมืองเพชร อ.สิเกา จ.ตรัง โดยร้องขอความช่วยเหลือ หลังจากได้รับความเดือดร้อน ถูกบ้านที่ปลูกสร้างใกล้เคียง สร้างรั้วลวดหนามและกำแพงปิดกั้นทางเข้าออก จนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก โดยเฉพาะลูกๆ 2 คน ต้องปีนกำแพงรั้วเพื่อเดินทางไปโรงเรียน
          นายศิริพัฒ กล่าวว่า เรื่องของเรื่องคือบ้านของนางสาวอัญชิษฐา ชูชีพ ที่เดือดร้อนปลูกบ้านอยู่ตรงกลางสาเหตุเกิดจากไม่ถูกกับบ้านข้างเคียงทั้งด้านหน้า ด้านซ้ายและด้านขวา ซึ่งทางออกเป็นสวนปาล์มของกำนันเป็นเส้นทางที่ลำบากต้องข้ามน้ำ ด้านซ้ายที่เคยใช้เป็นทางออกทราบว่าเป็นบ้านของ นางนงเยาว์ บุญชู อายุ 68 ปี เลขที่ 36 หมู่ 4 ต.นาเมืองเพชร โดยนางนงเยาว์ สร้างรั้วลวดหนามยาวประมาณ 30 เมตร ปิดกั้นเส้นทาง ด้านหลังเป็นบ้านของ นางแพร้ว คีรีรัตน์ อายุ 78 ปี มีการสร้างกำแพงสูงประมาณ 2 เมตร ยาว 300 เมตร ปิดกั้นทางออกเช่นกัน ทำให้ต้องใช้เส้นทางด้านหลังซึ่งเป็นสวนปาล์ม หากฝนตกต้องลุยน้ำออกจากบ้าน และยังทราบว่าลูกๆ ต้องปีนกำแพงเพื่อเดินทางไปโรงเรียน
          นายศิริพัฒ กล่าวอีกว่า จากการสอบถาม นางสาวนางสาวอัญชิษฐา ทราบว่ามีการฟ้องศาลไปแล้ว ซึ่งตนไม่วิจารณ์ อย่างไรก็ตามเส้นทางบ้านของนางแพร้วยืนยันว่า ไม่เคยมีส่วนได้ส่วนเสียต่อกันต่างคนต่างอยู่ ส่วนนางนงเยาว์ มีความขัดแย้งต่อกันหลายปี มีปากมีเสียงต่อกันเรียกว่าไม่คุยกันมานาน
          "วันนี้ผมสั่งการให้นายอำเภอสิเกา ประสานทางเทศบาลตำบลนาเมืองเพชร เพื่อตรวจสอบกับสำนักงานที่ดินจังหวัดตรังว่าโฉนดแปลงบ้านของนางนงเยาว์ ที่มีการนำรั้วลวดหนามเป็นทางสาธารณะหรือไม่ ถ้าเป็นทางสาธารณะเทศบาลจะต้องดำเนินการซึ่งมีหน้าที่ดูแลทางสาธารณะประโยชน์ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาให้กับเด็กไม่มีทางออกต้องปีนกำแพงซึ่งตนถามเด็กว่ามีญาติพี่น้องด้านนอกหรือไม่ เด็กตอบว่ามี จึงแนะนำว่าให้สงสารเด็กด้วยการให้เด็กไปอาศัยกับญาติก่อน อย่าให้เด็กต้องมาปีนรั้วเลย ไม่ใช่ปล่อยให้เด็กต้องปีนรั้วกำแพง" นายศิริพัฒกล่าว
          นายศิริพัฒ กล่าวต่ออีกว่า เท่าที่ตนทราบเรื่องดังกล่าวมีความขัดแย้งต่อกันมานาน ถ้าเรารักไม่อยากให้ลูกหลานลำบากก็ควรนำไปฝากกับญาติก่อน เพราะว่าตอนนี้ก็คล้ายๆ ว่ามีการทะเลาะเกือบรอบด้าน ก็ไม่เป็นไรทะเลาะกันก็ดีกันได้ต้องใช้เหตุใช้ผลต่อกันจึงเสนอแนะว่า เมื่อมีการฟ้องศาลแล้วก็ว่ากันไป และที่เป็นทางสาธารณะก็ต้องพิสูจน์กัน คนที่สร้างรั้วก็ใช้เงินไปมากยาวประมาณ 300 เมตร จะต้องมีสักวันหนึ่งที่จะได้มีการพูดคุยกันอย่างดี เท่าที่ทราบมีการทะเลาะกันมานานเกิน 5 ปี เคยปิดทางกันมาก่อน ถึงเวลาทางนี้ปิดบ้าง มาขอก็ไม่ให้ แต่ขึ้นอยู่กับเอกสารหลักฐานว่าสภาพที่ดินเป็นอย่างไร หากเป็นทางสาธารณะประโยชน์ก็ต้องเปิดให้ตามกฎหมาย ความขัดแย้งมีให้เห็นกันทุกที่และมีทางออกเสมอ

          ที่มา: http://www.naewna.com