กสทช.ลุยปิดURLผิดกม.บนเฟซบุ๊ค-ยูทูบ
Source - แนวหน้า (Th)

Wednesday, June 14, 2017  09:15
50260 XTHAI XECON XCORP DAS V%PAPERL P%NND

          นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2560 สำนักงาน กสทช. ได้เชิญผู้ให้บริการอินเตอร์เนต หรือ ISP เข้าประชุมเพื่อติดตามการดำเนินการปิดเว็บไซต์ที่นำเสนอเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย
          โดย ISP ได้รายงานว่า ตั้งแต่ วันที่   1 พฤษภาคม-12 มิถุนายน 2560 ได้รับคำสั่งศาลจาก กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) จำนวน 23 คำสั่ง โดยมี URL ที่ผิดกฎหมาย 965 URL เป็นของเฟซบุ๊ค 569 URL เป็นของยูทูบ 373 URL และอื่นๆ 23 URL ซึ่งขณะนี้ได้มีการปิดกั้นไปเกือบ 100% แล้ว
          อย่างไรก็ตาม สำนักงาน กสทช. ได้มีการกำชับให้ ISP เฝ้าตรวจสอบการดำเนินงานในเรื่องนี้ตลอดเวลา และรายงานให้สำนักงาน กสทช. ได้ทราบว่า ภายหลังจากได้รับคำสั่งศาลแล้วได้มีการดำเนินการอย่างไร สำหรับขั้นตอนในการดำเนินการกับเว็บไซต์ที่นำเสนอเนื้อหาที่ผิดกฎหมายขณะนี้กระทรวงดีอี เป็นผู้รับผิดชอบตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 และเป็นผู้ดำเนินการขอออกหมายศาล จากนั้นดำเนินการส่งหมายศาลตรงไปยัง เฟซบุ๊ค หรือยูทูบ หรือผู้ที่กระทำผิดต่อกฎหมายโดยตรง โดยจะมีสำเนา ส่งมาที่สำนักงาน กสทช. เพื่อให้ สำนักงานได้ติดตามตรวจสอบกับทาง ISP อีกทางหนึ่ง
          นายฐากรกล่าวอีกว่า  สำนักงาน กสทช. ได้มีหนังสือเชิญบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด และบริษัท ไลน์ พลัส คอร์ปอเรชั่น จำกัด เข้าชี้แจงข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการเปิดตัว ซิมการ์ดของ ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหม่ในประเทศไทย ที่ชื่อว่า LINE mobile ซึ่งมีลักษณะเป็นการให้บริการร่วมกับโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของ บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ในวันพฤหัสบดีที่ 15 มิถุนายน 2560 ตามที่มีผู้ร้องเรียนเข้ามา
          โดยเรื่องนี้เป็นกระบวนการดำเนินงานของสำนักงาน กสทช. ที่ต้องตรวจสอบว่าการให้บริการดังกล่าวเข้าลักษณะการประกอบกิจการโทรคมนาคมที่ไม่มีโครงข่ายโทรคมนาคมเป็นของตนเอง (MVNO) ที่ต้องมีใบอนุญาตตาม พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544  จาก กสทช. หรือเป็นเพียงการให้บริการเสริม ซึ่งหากเป็น MVNO ทางบริษัทต้องมายื่นขอใบอนุญาต แต่หากเป็นแค่บริการเสริม ภายใต้แพ็กเกจต่างๆ ก็ไม่ต้องขออนุญาตจากสำนักงาน กสทช. ดังนั้นจึงได้มีหนังสือเชิญทั้งสองบริษัทเข้าชี้แจงเพื่อที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงในการพิจารณาเรื่องนี้--จบ--

          ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า