ผู้ป่วยไตเรื้อรังร้องค้าน"สตง."ตัดสิทธิ์รักษาพยาบาล
Source - เว็บไซต์ไทยโพสต์ (Th)

Tuesday, July 04, 2017  07:09
20396 XTHAI XEDU XHEALTH EDUH V%NETNEWS P%WTP

          ชมรมผู้ป่วยโรคไตแห่งประเทศไทยผนึกเอ็นจีโอ ยื่นหนังสือร้องเรียนหมอปิยะสกลกลางบอร์ด สปสช. ให้ดูแลผู้ป่วยไตเรื้อรังต่อไป อย่าตัดสิทธิ์ตามข้อเสนอ สตง. ด้าน สธ.ยันไม่มีการลดสิทธิ์ที่มีอยู่แล้วแน่ 
          วันที่ 3 ก.ค. ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ชมรมผู้ป่วยโรคไตแห่งประเทศไทย นำโดยนายสมควร เกตุทอง รองประธานชมรมฯ, นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ผู้ประสานชมรมฯ และ น.ส.สุภัทรา นาคะผิว รองประธานชมรมฯ เข้ายื่นหนังสือต่อ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เพื่อให้พิจารณาประเด็นสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เสนอให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ทบทวนการให้บริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง 52,976 รายที่อยู่ในระบบบัตรทอง โดยมี นพ.ประจักษวิช เล็บนาค รองเลขาธิการ สปสช. เป็นผู้รับหนังสือแทน เนื่องจาก นพ.ปิยะสกลอยู่ระหว่างการประชุมบอร์ด สปสช.
          นายสมควรกล่าวว่า ทางชมรมฯ รู้สึกผิดหวังกับกรณีข้อแนะนำของหน่วยงานรัฐอย่าง สตง. ซึ่งอ้างข้อสังเกตของสำนักงบประมาณตั้งแต่ปี 2550 ว่าการรักษาพยาบาลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังมีค่าใช้จ่ายสูงมาก สร้างภาระให้กับงบประมาณประเทศที่มีจำกัด จึงให้บอร์ด สปสช.ทบทวน ซึ่งกังวลว่าผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังต้องร่วมจ่ายหรือไม่  
          น.ส.สุภัทรากล่าวอีกว่า ชมรมฯ ขอให้ทางบอร์ด โดยเฉพาะ รมว.สธ. ในฐานะเป็นประธานบอร์ด พิจารณาเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ ดังนี้ 1.ยึดประโยชน์ผู้ป่วยเป็นสำคัญ ให้มีหลักประกันที่จะไม่ถูกปฏิเสธการรักษา และจะต้องต่อรองราคายาและเวชภัณฑ์ให้มีราคาถูกลงและมีคุณภาพ รวมทั้งต้องดำเนินการส่งเสริมป้องกันให้ผู้ป่วยมีจำนวนน้อยลงอย่างเข้มข้น 2.ยึดหลักการไม่เลือกปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มิเช่นนั้นผู้ป่วยไตวายเรื้อรังจะเป็นผู้ป่วยเพียงกลุ่มเดียวที่ต้องร่วมจ่ายในระบบหลักประกันสุขภาพ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำขึ้น 3.ให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณค่าใช้จ่ายที่ให้บริการเกินสำหรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังจำนวน 2,317,542,295 บาท ให้มีงบประมาณที่เพียงพอในการจัดบริการ และ 4.เร่งดำเนินการเพื่อลดความเหลื่อมล้ำระบบบริการสุขภาพทั้งสามระบบให้เป็นมาตรฐานเดียว
          ส่วนในที่ประชุมบอร์ดได้มีประเด็นผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังด้วย โดย นพ.พินิจ หิรัญโชติ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ทางเลือก ในกรรมการบอร์ดฯ กล่าวว่า ประเด็นการจ่ายเงินตามข้อทักท้วงของ สตง.นั้น ต้องไปดูในมติ ครม.ตั้งแต่ปี 2550 เพราะหากพิจารณาแล้วจะพบว่ามีเขียนใน พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ระบุถึงกรณีร่วมจ่ายของผู้ป่วยกลุ่มนี้ ซึ่งกฎหมายมีอยู่เดิม เพียงแต่ สปสช.ไม่ได้ทำมาตั้งแต่ต้น
          น.ส.สารี อ๋องสมหวัง กรรมการบอร์ด สปสช.สัดส่วนภาคประชาชน กล่าวว่า การกล่าวหาว่า สปสช.ไม่ยอมไปเก็บเงินตามมติ ครม.ปี 2550 ต้องโทษทั้งบอร์ด สปสช. เพราะเป็นมติบอร์ด แต่หากพิจารณาแล้วก็จะพบว่าตั้งแต่ปี 2550 ผู้ป่วยไตวายก็ร่วมจ่ายอยู่แล้ว ในการเลือกฟอกเลือด เขาก็ต้องจ่ายเงิน 500 บาท ดังนั้น การที่ สตง.มาทักท้วงจึงเห็นด้วยที่รัฐมนตรีจะช่วยแก้ไขปัญหาและสร้างความเข้าใจตรงจุดนี้
          นพ.จรัล ตฤณวุฒิพงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์และสาธารณสุข กล่าวว่า เมื่อมีมติ ครม. 2550 ทำให้เมื่อมีการของบประมาณโรคไต ส่งผลให้สำนักงบประมาณไม่พิจารณาเพิ่มงบส่วนนี้ให้ แต่การจะไปลดสิทธิ์ ทำไม่ได้อยู่แล้ว เพราะผู้ป่วยได้สิทธิ์มาแล้ว จึงต้องหาทางว่าจะทำอย่างไรให้งบเพียงพอ ซึ่งจุดนี้ควรมีคณะกรรมการหรือคณะทำงานมาทำเรื่องนี้น่าจะดีหรือไม่
          นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ กรรมการบอร์ดสัดส่วนองค์กรเอกชนด้านผู้สูงอายุ กล่าวว่า จริงๆ หากย้อนกลับไปพิจารณามติ ครม. 2550 จะพบว่าตั้งกรอบการใช้งบส่วนนี้ไว้ประมาณ 18,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ในกรอบ แปลว่าการบริหารจัดการระบบได้เป็นอย่างดี โดยตนเคยพบท่าน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ซึ่งสมัยนั้นท่านเป็นนายกรัฐมนตรี เดิมรัฐบาลชุดนั้นกำลังจะเปลี่ยนผ่านตั้งนโยบายจะไม่มีการอนุมัติงบประมาณระยะยาว แต่กลับพบว่าอนุมัติโครงการผู้ป่วยไตเรื้อรัง ซึ่งได้ขอพูดคุยกับท่าน ได้รับคำตอบว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตคน เขาได้รับสิทธิ์ เขาก็รอดได้
          นพ.ปิยะสกลกล่าวว่า ทุกประเทศมีปัญหาหมด ซึ่งเราไม่ใช่ว่าจะใช้งบปลายเปิดไปเรื่อยๆ เหมือนทุกวันนี้ ทำให้ต้องตามจ่ายหนี้แทบไม่ทัน ดังนั้นควรต้องตั้งงบล่วงหน้าไว้ก่อนจะดีกว่า รวมทั้งการบริหารจัดการต้องมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น.

          ที่มา: www.thaipost.net