สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ชี้แจงประเด็นปัญหาและข้อสงสัยการเข้ารักษาอาการเจ็บป่วยฉุกเฉิน
Source - สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ (Th)

Monday, September 11, 2017  09:49
19830 XTHAI XETHIC XGOV SOC V%WIREL P%PRD

          จากกรณีสื่อมวลชนได้ตั้งคำถามต่อมาตรการเจ็บป่วยฉุกเฉินที่สามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกโรงพยาบาลภายใน 72 ชั่วโมง โดยเปิดเผยข้อมูลว่ามีประชาชนเข้ารับการรักษาด้วยอาการหอบเฉียบพลัน และคาดว่าน่าจะสามารถใช้สิทธิ์บัตรทองที่ตนมีอยู่ได้ จึงสอบถามเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ต่อมาเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ได้สอบถามแพทยสภาแล้ว แต่แพทยสภาระบุว่า ไม่เข้าข่ายกรณีฉุกเฉิน ทำให้ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง  จึงตั้งข้อสังเกตว่าการเจ็บป่วยลักษณะใดบ้างที่จะสามารถใช้สิทธิ์การรักษาฉุกเฉินได้ หรือโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าว ไม่รับรักษากรณีฉุกเฉิน
          เรืออากาศเอกอัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)  ชี้แจงว่าตามนโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” (Universal Coverage for Emergency Patient : UCEP) ตระหนักถึงภาวะเจ็บป่วยฉุกเฉินทั้งที่เกิดจากอุบัติเหตุต่าง ๆ และโรคที่มีอาการเฉียบพลัน ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วที่สุด เพื่อให้มีโอกาสต่อการรอดชีวิต และลดโอกาสเสี่ยงต่อความพิการทุพพลภาพ ของผู้ป่วยในภาวะฉุกเฉิน โดยสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่บริหารจัดการการแพทย์ฉุกเฉินทั้งระบบ เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินร่วมกัน ให้ผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับการคุ้มครองสิทธิในการเข้าถึงระบบบริการแพทย์ฉุกเฉินอย่างทั่วถึง เท่าเทียม มีคุณภาพมาตรฐาน ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ.2551  และตามนโยบายนี้ได้มอบหมายให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาตเป็นผู้ตัดสินการคัดแยกระดับความฉุกเฉินและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ทำหน้าที่เป็นผู้รวบรวมตรวจสอบข้อมูลค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามนโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” (Clearing house) ส่งให้แก่กองทุนต่าง ๆ เพื่อทำการเบิกจ่ายให้กับโรงพยาบาล ตามระยะเวลาที่กำหนด และมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพในการส่งต่อผู้ป่วยกลับมายังสถานพยาบาลของรัฐและประสานกับกองทุนต่างๆ ในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลในกรณีฉุกเฉินตามนโยบายนี้
          ตามที่ ราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 31 มีนาคม 2560 ได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดผู้ป่วยฉุกเฉิน โดยมีเงื่อนไขในการประเมินผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตตามนโยบาย ต้องเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตนอกโรงพยาบาล (Pre hospital patient) มีสิทธิการรักษาในกองทุนภาครัฐ, เอกชน หรือกองทุนอื่น ๆ ซึ่งผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์การประเมินเพื่อคัดแยกระดับความฉุกเฉินที่ห้องฉุกเฉิน โดยใช้การคัดแยกตามประกาศคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน เรื่อง หลักเกณฑ์การประเมินเพื่อคัดแยกระดับความฉุกเฉิน และมาตรฐานการปฏิบัติการฉุกเฉิน พ.ศ. 2554 ว่าเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ทั้งนี้แพทย์ผู้ทำการรักษา ณ ห้องฉุกเฉิน จะเป็นผู้ทำการประเมินผู้ป่วย ตามหลักเกณฑ์การประเมินเพื่อคัดแยกระดับความฉุกเฉินฯ ดังกล่าว
          ทั้งนี้ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต หมายถึง บุคคลซึ่งได้รับบาดเจ็บ หรือมีอาการป่วยกะทันหัน ซึ่งมีภาวะ คุกคามต่อชีวิต ซึ่งหากไม่ได้รับปฏิบัติการแพทย์ทันที เพื่อแก้ไขระบบการหายใจ ระบบไหลเวียนเลือด หรือระบบประสาทแล้ว ผู้ป่วยจะมีโอกาสเสียชีวิตได้สูง หรือทำให้การบาดเจ็บหรืออาการป่วยของผู้ป่วยฉุกเฉินนั้น รุนแรงขึ้นหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้อย่างฉับไว ให้ใช้สัญลักษณ์ “สีแดง” สำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต  ได้แก่
          1. หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ
          2. หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง
          3. เจ็บหน้าอกรุนแรงเฉียบพลัน
          4. ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็นหรือมีอาการชักร่วม
          5. แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัดแบบปัจจุบันทันด่วน หรือชักต่อเนื่องไม่หยุด
          6. มีอาการอื่นร่วม ที่มีผลต่อการหายใจ การไหลเวียนโลหิต และระบบสมองที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต
          หากมีข้อสงสัยในเรื่องต่าง ๆ ของนโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” สามารถโทรสอบถามได้ที่ ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (ศคส สพฉ) หมายเลข 0 2872 1669 ตลอด 24 ชม. และหากต้องการร้องเรียนหรืออุทธรณ์ เรื่องการประเมินและการคัดแยกระดับความฉุกเฉิน หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมในการใช้บริการฉุกเฉิน สามารถแจ้งได้ที่ Email: ucepcenter@niems.go.th

          ที่มา: www.thainews.prd.go.th