ล้อมคอกสินค้าออนไลน์ ไฟเขียวออกก.ม.คุมเข้ม
Source - เดลินิวส์ (Th)

Wednesday, February 21, 2018  04:57
43625 XTHAI XECON MIDD DAS V%PAPERL P%DND

          นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการซื้อสินค้าหรือบริการ โดยวิธีการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ถือว่าเป็นตลาดแบบตรง ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โดยกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงที่เป็นบุคคลธรรมดา ซึ่งมีรายได้จากการขายสินค้าหรือบริการ ต่ากว่าปีละ 1.8 ล้านบาท รวมทั้งเป็นผู้ที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน จะไม่ถือว่าเป็นผู้ทำธุรกิจตลาดแบบตรง และไม่ต้องจดทะเบียนธุรกิจกับ สคบ.
          สำหรับการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงนั้น ในปัจจุบันถือว่าเติบโตอย่างมาก โดยธุรกิจดังกล่าวตาม พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 ได้กำหนดความหมายว่า เป็นการทำตลาดสินค้าหรือบริการในลักษณะของการสื่อสารข้อมูล เพื่อเสนอขายสินค้าหรือบริการโดยตรงกับผู้บริโภคและให้ผู้บริโภคติดต่อกลับมาซื้อสินค้าและบริการนั้น เช่น การซื้อขายสินค้าผ่านโทรทัศน์ วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อออนไลน์ ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจจะนำเสนอสินค้าแล้วแสดงเบอร์โทรศัพท์ หรือแสดงรายละเอียดของช่องทางการติดต่อต่าง ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคที่สนใจสินค้าและบริการติดต่อกลับไปซื้อสินค้า ซึ่งแตกต่างจากการทำธุรกิจขายตรงที่เน้นการขายสินค้าผ่านตัวแทนที่เป็นสมาชิกของผู้ประกอบธุรกิจนั้น ๆ
          ขณะเดียวกันที่ประชุมครม.ยังเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการวางหลักประกันการประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง โดยกำหนดให้ผู้ที่ยื่นขอจดทะเบียนประกอบธุรกิจดังกล่าว ต้องวางหลักประกันต่อนายทะเบียนของ สคบ. แยกเป็นกรณีการจดทะเบียนขายตรง กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจที่มีรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายไม่เกินปีละ 25 ล้านบาท ต้องวางหลักประกันเป็นเงิน 25,000 บาท, มีรายได้ปีละ 25 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 50 ล้านบาท วางหลักประกัน 50,000 บาท, มีรายได้ปีละ 50 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 100 ล้านบาท วางหลักประกัน 100,000 บาท และมีรายได้เกินปีละ 100 ล้านบาทขึ้นไปต้องวางหลักประกัน 200,000 บาท
          ส่วนธุรกิจตลาดแบบตรง กรณีเป็นบุคคลธรรมดา ต้องวางหลักประกัน 5,000 บาท, กรณีห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท วางหลักประกัน 25,000 บาท, กรณีบุคคลธรรมดา เมื่อมีรายได้ก่อนหักภาษีรายจ่ายไม่เกินปีละ 25 ล้านบาท วางหลักประกัน 5,000 บาท, กรณีห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท เมื่อมีรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายไม่เกินปีละ 25 ล้านบาท ต้องวางหลักประกันเป็นเงิน 25,000 บาท, มีรายได้ปีละ 25 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 50 ล้านบาท วางหลักประกัน 50,000 บาท, มีรายได้ปีละ 50 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 100 ล้านบาท วางหลักประกัน 100,000 บาท และมีรายได้เกินปีละ 100 ล้านบาทขึ้นไปต้องวางหลักประกัน 200,000 บาท
          ทั้งนี้การออกกฎกระทรวงทั้ง 2 ฉบับ สคบ.รายงานว่า มีความจำเป็นต้องผลักดันออกมาเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน และสอดคล้องกับการบังคับใช้กฎหมายตามพ.ร.บ.ขายตรงฯ จึงได้กำหนดรายละเอียดต่าง ๆ ออกมา ทั้งการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซที่ไม่เข้าข่ายตลาดแบบตรง และการวางหลักประกัน เพื่อป้องกันปัญหาและอุปสรรคในการประกอบธุรกิจอีคอมเมิร์ซของประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเอสเอ็มอี และบุคคลธรรมดา รวมทั้งในกลุ่มที่ต้องจดทะเบียนต้องมีการวางหลักประกันเพื่อช่วยคุ้มครองผู้บริโภคอาจได้รับความเสียหายจากการประกอบธุรกิจ และจะได้รับการชดเชยค่าเสียหายอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอกระบวนการทางศาล.
--จบ--

          --เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 22 ก.พ. 2561 (กรอบบ่าย)--