"มีชัย"ยกผู้ตรวจฯเป็นพระมาลัยตรวจสอบหน่วยงานสร้างปัญหา
Source - เว็บไซต์เดลินิวส์ (Th)

Wednesday, April 25, 2018  12:38
3782 XTHAI XPOL POL V%NETNEWS P%WDN

          ผู้ตรวจฯย้ำเดินหน้าทำงานเชิงกัลยาณมิตร “มีชัย”เปรียบเป็นพระมาลัย คอยช่วยตรวจสอบกฎหมายของหน่วยงานรัฐที่สร้างปัญหาให้ประชาชนนำไปสู่การปฏิรูประบบราชการได้ “สนช.”แจงต้องเฟ้นหาคนเหมาะสม
          เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สัมมนา หัวข้อ “ผู้ตรวจการแผ่นดิน : องค์กรเพื่อรัฐและเพื่อประชาชน ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560” เพื่อชี้แจงถึงบทบาทและอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต่อผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน หน่วยงานอิสระ และสถาบันการศึกษาจำนวน 700 คนที่เข้าร่วมประชุม
          โดยพล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน รักษาราชการแทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดงานตอนหนึ่งว่า การทำงานของผู้ตรวจการแผ่นดินยังคงยึดหลักความเป็นกัลยาณมิตร คือไม่ได้มุ่งหมายจับผิดหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ แต่มุ่งหวังแสวงหาทางออกแก้ไขความเดือดร้อนอย่างเป็นระบบ เน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน รวมทั้งส่งเสริมสนับสนุน และให้คำแนะนำเพื่อให้หน่วยงานรัฐและเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้อำนาจหน้าที่ผู้ตรวจการแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญ 2560 นั้น ประกอบด้วย 1.เสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ หรือคำสั่ง หรือขั้นตอนการปฏิบัติงานใดๆ ที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมต่อประชาชน 2.แสวงหาข้อเท็จจริงเมื่อมีผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรม จากการปฏิบัติของหน่วยงานรัฐและเจ้าหน้าที่รัฐ และ 3.เสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ทราบถึงการที่หน่วยงานของรัฐยังไม่ได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามหน้าที่ของรัฐที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
          "ส่วนขอบเขตอำนาจหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐนั้น ตอนนี้ครอบคลุมทั้งเจ้าหน้าที่ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น รวมทั้งคณะกรรมการต่างๆที่ตั้งโดยคณะรัฐมนตรี ก็อยู่ในอำนาจหน้าที่การตรวจสอบของผู้ตรวจการแผ่นดิน นอกจากนั้นยังมีอำนาจเข้าไปตรวจสอบในสถานที่พื้นที่ใดๆได้ ก็จะทำให้การติดตามผลการวินิจฉัยมีประสิทธิภาพมากขึ้น และคิดว่าเป็นมิติใหม่ที่สามารถทำให้หน่วยงานของรัฐให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ส่วนกรณีหน่วยงานรัฐไม่ให้ความร่วมมือก็จะมีโทษทางอาญา"พล.อ.วิทวัส กล่าว
          ด้านนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) บรรยายพิเศษ หัวข้อ “หน้าที่และอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560” ว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนั้นเราอยากเปลี่ยนทีท่าและวิธีการทำงานของผู้ตรวจการแผ่นดิน ไม่ใช่ลักษณะยักษ์ถือกระบอง เพราะจะทำให้หน่วยงานภาครัฐเกิดความเกลียดและความกลัวตั้งแต่เริ่มต้น จุดมุ่งหมายคือให้ใช้กลไกในลักษณะเป็นกัลยาณมิตร มากกว่าการมุ่งไปเอาผิด ขณะที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะต้องปรับรูปแบบการทำงาน โดยใช้กระบวนการปรึกษาหารือให้มากขึ้น มุ่งเน้นให้เกิดการแก้ปัญหาของประชาชนโดยรวม มากกว่าการแก้ทุกข์ให้แก่คนๆเดียว ให้ความสำคัญกับแก้ปัญหาของประชาชนโดยรวม โดยเฉพาะการตรวจสอบกฎหมาย กฎ ระเบียบต่างๆของหน่วยงานรัฐที่มีอยู่ในปัจจุบัน ว่าสร้างภาระความเดือดร้อนให้กับประชาชนเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญวางหลักไว้หรือไม่ ซึ่งคิดว่าภายใน 1 ปี ทำได้ 10 เรื่องก็ถือว่าเกินคุ้ม ส่วนการรายงานไปยังคณะรัฐมนตรีต้องทำกระชับ ชี้ให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้ประชาชนรู้ว่าเกิดปัญหาอะไรในบ้านเมือง ให้เกิดการรับรู้ ซึ่งก็เชื่อว่าประชาชนจะส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินการของผู้ตรวจการแผ่นดิน
          “เราพยายามกันผู้ตรวจออกมาจากภาพความเป็นยักษ์ ไม่ให้กระบองผู้ตรวจ แต่ให้บทกฎหมายลงโทษเลย หากหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่รัฐทำผิดเอง ก็จะต้องรับโทษตามกฎหมาย ไม่ใช่ผู้ตรวจการแผ่นดินไปลงโทษ เพราะกฎหมายกำหนดตายตัว ดังนั้นผู้ตรวจจึงเป็นเหมือนพระมาลัยเพื่อไปช่วยเขา กระบองที่ให้จึงเป็นออโตเมติก หากถึงจุดที่ทำผิดขั้นตอนก็มีผลของมันเอง ดังนั้นไม่ต้องไปกังวลว่าผู้ตรวจจะเป็นยักษ์เป็นมาร”นายมีชัยกล่าว
          นายมีชัยกล่าวอีกว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นหน่วยงานเดียวที่จะแก้ปัญหาระบบราชการ ดังนั้นจึงควรหันมาทำงานด้านนี้ให้มากขึ้น เพราะการปฏิรูปประเทศให้ไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ไม่มีวันจะเกิดขึ้นได้เลย หากไม่แก้ระบบราชการ โดยเฉพาะระบบงบสารบัญ ที่ทำให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างๆ มีหนังสือให้เซ็นต์จำนวนมาก จนไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่น
          ขณะที่นายสรุชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 บรรยายพิเศษ หัวข้อ “มุมมองและความคาดหวังของสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อบทบาทหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดิน” ตอนหนึ่งว่า เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมามีการสรรหากรรมการผู้ตรวจการแผ่นดิน หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมสนช. ชุดนี้มีตั้งกฎเกณฑ์ในการพิจารณามากเกินไป ซึ่งตนยืนยันว่าเราได้ทำหน้าที่บนพื้นฐานของการรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน โดยเฉพพาะการให้ความเห็นชอบบุคคลให้ไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ได้คำนึงเพียงแค่เรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเท่านั้น แต่คำนึงถึงความเหมาะสมในการทำหน้าที่ เพราะบทบาทและหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560 มีการปรับเปลี่ยนไปจากเดิม กำหนดให้ทำงานในเชิงรุกมากขึ้น.

          ที่มา: www.dailynews.co.th