นายกฯสั่งเร่งฟื้นฟู'ป่าแหว่ง'หาพื้นที่สร้างบ้านพักตุลาการ
Source - กรุงเทพธุรกิจ (Th)

Wednesday, May 09, 2018  05:51
52506 XTHAI XPOL DAS V%PAPERL P%KT

          กรุงเทพธุรกิจ นายกฯสั่ง เร่ง ปลูกป่าพื้นที่ป่าแหว่ง-หาพื้นที่ใหม่ สร้าง"บ้านพักตุลาการ" กำชับห้ามกระทบสภาพแวดล้อม ยันพร้อมดูแลสิทธิข้าราชการตามกฎหมาย ด้าน "สุวพันธุ์" เผยตั้งกรรมการ 2 ชุด วางแผนฟื้นฟูป่า ยันดำเนินการตามข้อตกลง ขณะที่ "ทนายความศูนย์พิทักษ์ฯ" ชี้อำนาจรัฐบาล-กฎหมายเปิดช่องทุบสิ่งปลูกสร้างทางราชการ แนะหาเหตุผลประกอบอย่างเหมาะสม
          วานนี้(8 พ.ค.)พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) ถึงการแก้ปัญหาบ้านพักตุลาการ จ.เชียงใหม่ว่า วันนี้ได้ข้อสรุปหลังมีการหารือร่วมกันโดยให้มีการปลูกป่า ให้มีแผนงานที่ชัดเจน ตนได้มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ทหารกอ.รมน. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปร่วมในแผนงานดังกล่าวให้มันฤดูฝนนี้ จะพยายามหาต้นไม้ที่โตเร็ว และกลมกลืนกับภูมิประเทศ  "ผมมีคำสั่งไปว่าไม่ให้อยู่โดยแน่นอนแน่ชัด ได้ให้คณะกรรมการไปจัดหาพื้นที่ใหม่ เพราะเป็นสิทธิของข้าราชการที่ต้องมีบ้านพักอาศัยตามกฎหมาย รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลสวัสดิการตรงนี้ อย่าไปมองว่าชาวบ้านยังไม่มีเลย แล้วข้าราชการต้องมี ก็เขาเป็นข้าราชการ ไม่เช่นนั้นทุกคนถ้าอยากมีต้องสอบให้ได้เป็นข้าราชการแล้ว โตขึ้นมาก็จะมีบ้าน แต่บางคนก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ รัฐบาลสร้างให้หมดมันไม่ได้ ต้องเสียค่าเช่าบ้าน" นายกฯ กล่าว ส่วนการหาพื้นที่ใหม่นั้นกำลังพิจารณาพื้นที่ที่ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมขณะเดียวกันต้องพิจารณาแบบก่อสร้างให้อยู่ในกรอบกติกาที่กำหนด ถือเป็นการแก้ปัญหาอย่างถูกวิธี คือ แก้ปัญหาด้วยหลักรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์
          "ผมไม่อาจจะรับเรื่องร้องเรียนอื่นๆขึ้นมาอีก เรื่องเก่าแก่ให้ได้เสียก่อน ขอให้ไว้เนื้อเชื่อใจ ในเมื่อผมไม่ให้ใครอยู่ก็ไม่ให้ใครอยู่ เรื่องจะรื้อไม่รื้อคณะกรรมการไปว่ากันมา ถ้าจะรื้อต้องหาผู้รับผิดชอบมาให้ได้ เพราะเป็นงบประมาณของแผ่นดิน มันอาจจะบานปลายสู่การตรวจสอบย้อนหลังไปอีกเยอะ ก็ต้องทำต่อไป" นายกฯ กล่าว
          ด้านนายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้เป็น ผู้เจรจาแก้ไขปัญหาบ้านพักตุลาการเชิงดอย สุเทพที่จ.เชียงใหม่ กล่าวถึงความคืบหน้าว่า วันเดียวกันนี้ได้รายงานที่ประชุมครม.ทราบถึงมาตรการแก้ปัญหา โดยได้รายงานว่าทางจ.หวัดเชียงใหม่ได้ประชุมเรื่อง ดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการเสนอตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่อำนวยการแก้ไขปัญหา
          และจะมีคณะทำงานอีก 2 ชุด ประกอบด้วย การวางแผนฟื้นฟูระบบนิเวศ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ อีกชุดหนึ่งเป็นคณะทำงานเพื่อพิจารณาดำเนินการ เกี่ยวกับสิ่งปลูกสร้าง และการทำป่าให้สมบูรณ์ต่อไป ทั้งนี้ทุกอย่างให้ดำเนินการในพื้นที่ และเป็นไปตามที่เจรจาตกลงกันเอาไว้ โดยคณะกรรมการและคณะทำงานดังกล่าวประกอบด้วยหลายฝ่าย ทั้งภาครัฐ หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องและเครือข่ายประชาชนร่วมด้วย เมื่อถามว่าการแก้ไขปัญหาครั้งนี้จะต้องพิจารณายกเลิกมติ ครม. ของเก่าหรือไม่ นายสุวพันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังตอบอะไรในเรื่องดังกล่าวไม่ได้ แต่เมื่อมีคณะกรรมการชุดที่กำลังจะต้องขึ้นแล้วนั้นให้เขาดำเนินการต่อไปว่าจะมีแนวทางอย่างไร อย่างไรก็ตาม มีหลายเรื่องที่จะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ เชน ต้องมีพื้นที่ รังวัดให้ชัดเจน แล้วทำอย่างไรต่อไปกับพื้นที่นั้น ทุกอย่างมีกลไกทั้งหมดอยู่แล้ว เชื่อว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย
          ขณะที่นายสุมัตรชัย หัตถสาร ทนายความศูนย์พิทักษ์และ ฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวหลังจากที่ได้ข้อสรุปในการส่งมอบพื้นที่คืนให้กับกรมธนารักษ์ เพื่อดำเนินการปรับปรุงสภาพพื้นที่ร่วมกับกรมอุทยาน ขั้นตอนหลังจากนี้ให้เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนทางกฎหมาย ต้องพิจารณาร่วมกับระเบียบของกระทรวงการคลัง เช่นการทุบทำลายอาจจะขัดต่อกฎหมายทำไม่ได้ แต่การย้ายอาคารทั้งหลังไปไว้ในพื้นที่ที่เหมาะสมสามารถทำได้ ซึ่งทางวิศวกรรมได้มีการออกมาพูดถึงเรื่องนี้
          ในความคิดเห็นส่วนตัวเห็นว่า การทุบ ทำลายสิ่งปลูกสร้างของทางราชการ มีเงื่อนไขทางกฎหมายที่สามารถทำได้ แต่ในกรณีของบ้านพักข้าราชการตุลาการ จะเข้าเงื่อนไขข้อไหนได้บ้าง ยกตัวอย่างเช่น โครงการโฮปเวลล์ถือเป็นสิ่งก่อสร้างของทางราชการ  ดังนั้นรัฐสามารถตัดสินใจในการดำเนินการได้ในทันที เชื่อว่า เรื่องนี้จะมีทางออกทางกฎหมายแน่นอนเพราะ ทรัพย์สินของทางราชการ ก็มีการปรับเปลี่ยนแก้ไขทุบทำลายมาหลายครั้ง เป็นเรื่องปกติ แต่ต้องมีเหตุผลประกอบที่เหมาะสม

          บรรยายใต้ภาพ 
          ประยุทธ์ จันทร์โอชา--จบ--

          ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ