คอลัมน์: กระจกไร้เงา: ขนส่งฯตรวจเข้มคนใช้บริการอุ่นใจ
Source - ไทยโพสต์ (Th)

Wednesday, May 09, 2018  03:46
30025 XTHAI XECON DAS V%PAPERL P%TPD

          กัลยา ยืนยง
          เป็นที่ทราบกันดีว่าก่อนหน้านี้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) มีมาตรการการกำหนดให้รถตู้โดยสารต้องจัดวางที่นั่งผู้โดย สารไม่เกิน 13 ที่นั่ง เป็นมาตรการเพิ่มความปลอดภัยในรถโดยสารสาธารณะ โดยมีวัตถุประสงค์ให้ผู้โดยสารมีช่องทาง เดินเพื่อออกประตูด้านท้ายของรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เพื่อลดการ สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งก่อนหน้านี้พบว่ามีการเกิดอุบัติ เหตุกับรถตู้ขึ้นบ่อยครั้ง
          สำหรับการกำหนดให้มีที่นั่งผู้โดยสารไม่เกิน 13 ที่นั่งนั้น เพื่อให้สามารถออกทางด้านหลังได้สะดวกขึ้นหากประตูทางเข้าไม่สามารถเปิดได้ และเพื่อให้ผู้ประกอบการขนส่งหรือเจ้าของรถตู้มีห้วงเวลาในการเตรียมความพร้อมที่ต้องปรับปรุงจำนวนที่นั่งให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งต้องปรับปรุงที่นั่งแถวหลังสุดต้องมีช่องทางเดิน ขนาดความกว้างไม่น้อยกว่า 20 เซนติเมตร
          และอีกประการเพื่อให้ผู้โดยสารใช้เป็นทางออกฉุกเฉินด้านท้าย และประตูหลังสามารถเปิดออกจากภายในตัวรถได้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นหรือเกิดอุบัติเหตุ และมีค้อนทุบกระจก  ดังนั้น เพื่อให้มีการปรับตัว รับรู้ ปรับเปลี่ยน และลดผลกระทบ กำหนดแนวทางดำเนินการบังคับใช้เป็นขั้นตอน กรมการขนส่งทางบกกำหนดแผนปฏิบัติการควบคู่การบังคับใช้กฎหมายแบบมีห้วงเวลาสำหรับดำเนินการให้มีความเหมาะสม คู่ขนานกับการสร้างความเข้าใจ การรับรู้ ตลอดจนการให้คำปรึกษาแนะนำผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิด
          อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันว่าการบังคับใช้มาตรการทาง กฎหมาย ตรวจสอบการปรับปรุงรถตู้ทุกคัน เริ่มโครงการตั้งแต่ วันที่ 15 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา โดยให้ทุกหน่วยงานเร่งประ ชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการขนส่งรับทราบ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ผ่านคณะกรรมการจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะ
          และล่าสุด นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้มีการดำเนินการลงโทษผู้ประกอบการขนส่งและพนักงานขับรถตามมาตรการเข้มงวดเด็ดขาด กรณีที่มีผู้ร้องเรียนพฤติกรรมการให้บริการผ่านสื่อสังคมออนไลน์รถตู้โดยสารประจำทางสายที่ 386 (ฉะเชิงเทรา-จันทบุรี) ทะเบียน 10-2624 ฉะเชิงเทรา บรรทุกผู้โดยสารเกิน โดยมีผู้โดยสารจำนวนทั้งสิ้น 21 คน
          จากกรณีดังกล่าว สำนักงานขนส่งจังหวัดจันทบุรี ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการตามกฎหมายทันที สำหรับรถตู้โดยสารดังกล่าวเป็นของ บริษัท พนมชัยแอร์ จำกัด ซึ่งได้สั่งพักใช้รถทันที 15 วัน พร้อมเปรียบเทียบปรับตามมาตรา 31 (4) ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขเกี่ยวกับจำนวนที่นั่ง จำนวน 20,000 บาท ด้านพนักงานขับรถ คือ นายชูชาติ กระสังข์ มีใบอนุญาตขับรถทุกประเภทชนิดที่ 3 เลขที่ 1ฉช.00134/60 สิ้นอายุวันที่ 9 มีนาคม 2563 ได้ลงโทษสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถทันที 15 วัน เปรียบเทียบปรับ 5,000 บาท และบันทึกประวัติการกระทำความผิดไว้ที่ศูนย์ข้อมูลประวัติผู้ขับรถเพื่อติดตามตรวจสอบใกล้ชิด หากพบความผิดซ้ำ หรือได้รับการร้องเรียนไม่มีการปรับปรุงการให้บริการให้เป็นไปตามระเบียบของกรมการขนส่งทางบก พิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตขับรถทันที และมีผลต่อการพิจารณา การต่ออายุใบอนุญาตของผู้ประกอบการขนส่ง ดังนั้น ผู้ประกอบ การขนส่งจึงต้องมีมาตรการในการควบคุม กำกับดูแลพนักงานขับรถในสังกัดอย่างใกล้ชิด
          อย่างไรก็ตาม กรมการขนส่งทางบกออกมายืนยันว่า กรมมีนโยบายเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่นในการใช้บริการระบบรถโดยสารสาธารณะ กำหนดให้รถตู้โดยสารสาธารณะ ทุกคันทุกเส้นทางมีที่นั่งผู้โดยสารไม่เกิน 13 ที่นั่ง และจะต้องมีช่อง ทางออกด้านท้าย เพื่อให้ผู้โดยสารใช้เป็นทางออกฉุกเฉิน พร้อมดำเนินมาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เด็ดขาด ลงโทษขั้นสูงสุดในทุกกรณีความผิดกับรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท
          ส่วนกรณีที่พบการนำรถที่มีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรงมาใช้งาน ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดว่าด้วยความปลอดภัย หรือการกระทำผิดเอาเปรียบผู้โดยสาร การให้บริการไม่มีคุณภาพ ไม่มีความปลอดภัย พร้อมสั่งกำชับทุกหน่วยงานทั้งในส่วนกลางและสำ นักงานขนส่งจังหวัดทุกพื้นที่ตรวจและจับกุมรถที่ให้บริการผิดกฎหมายเข้มข้นจริงจังในทุกพื้นที่ทุกเส้นทาง สำหรับประชาชนหากพบปัญหาจากการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ ระบุหมาย เลขทะเบียนรถ ชื่อ-นามสกุลผู้ขับรถ สถานที่ใช้บริการ ร้องเรียนได้ทุกช่องทาง อาทิ ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน สายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง, แอปพลิเคชัน DLT GPS, แอปพลิเคชัน Taxi OK, Line ID "1584dlt" เป็นต้น
          จะเห็นได้ว่าจากการตรวจเข้มของกรมขนส่งทางบก ถือเป็นเรื่องที่ดีของประชาชนที่ใช้บริการรถตู้โดยสารสาธารณะ หาก หน่วยงานที่รับผิดชอบยังเพิกเฉย ก็ไม่แน่ใจว่าผู้ใช้บริการจะต้องเสี่ยงในการใช้บริการอย่างไร เมื่อกรมขนส่งทางบกเอาใจใส่ตรวจเข้มเรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องดีๆ ที่ต้องชื่นชม.--จบ--

          ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์