คอลัมน์: รายงานพิเศษ: หน้าฝนระวังเด็กป่วย 5 โรคติดต่อต้องระวัง
Source - ข่าวสด (Th)

Wednesday, May 30, 2018  02:28
33530 XTHAI XGEN DAS V%PAPERL P%KSD

          ฤดูฝน สภาพอากาศเริ่มเย็นลง และมีความชื้นสูงขึ้น ทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี และแพร่กระจายได้ง่าย ศูนย์สุขภาพเด็กและวัยรุ่น ร.พ.พญาไท 2 ให้ข้อมูลว่า 5 โรคติดเชื้อที่พบบ่อยในเด็ก ซึ่งมักจะติดต่อกันมากในโรงเรียน ที่พ่อแม่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในฤดูนี้ ได้แก่
          โรคไข้หวัดใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ที่ก่อโรคในคนมี 3 สายพันธุ์คือ A B C หากได้รับเชื้อจะมีไข้สูง ไอ มีน้ำมูก ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว มีอาการซึม งอแง ไม่ค่อยกินอาหาร ถ้าเป็นเด็กแรกเกิดแพทย์จะแนะนำให้สังเกตอาการที่โรงพยาบาล
          การป้องกันด้วยการฉีดวัคซีน เริ่มได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป สำหรับเด็กที่อายุน้อยกว่า 6 เดือนแนะนำให้ฉีดวัคซีนแก่ผู้เลี้ยง อาจเป็นพ่อแม่ หรือพี่เลี้ยง สำหรับเด็กที่อายุน้อยกว่า 9 ขวบ (6 เดือน-9 ขวบ) ปีแรกที่ฉีดแนะนำให้ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือนเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันอย่างเต็มที่ และเด็กอายุ 9 ขวบขึ้นไป ฉีดแค่เพียงเข็มเดียวในปีแรกหลังจากนั้นฉีดกระตุ้นปีละหนึ่งเข็ม
          โรคอุจจาระร่วง อาจเกิดได้ทั้งจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย พบมากในกลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ อาการเบื้องต้นท้องเสียมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน เมื่อเด็กมีอาการท้องเสีย หรือมีอาเจียน เด็กจะมีอาการขาดน้ำและเกลือแร่ ฉะนั้นพ่อแม่ต้องสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ควรรีบพบแพทย์ทันที
          ปัจจุบันโรคท้องเสียที่เกิดจากไวรัสโรต้ามีวัคซีนในการป้องกัน ชนิดหยอดที่ใช้ได้เฉพาะในเด็กเล็กเท่านั้น ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้วว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค ลดความรุนแรงของโรค และมีความปลอดภัยสูง โดยจะเริ่มหยอดครั้งแรกในเด็กที่มีอายุเกิน 6 สัปดาห์ขึ้นไปและจะให้ครั้งต่อไปห่างจากครั้งแรก 4 สัปดาห์ โดยหยอดทางปาก 2 หรือ 3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีน สำหรับเด็กโตให้เน้นด้านการรักษาสุขอนามัยส่วนตัว
          โรคมือ เท้า ปาก เกิดจากเชื้อไวรัส มักพบได้ไในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ซึ่งติดต่อได้ง่ายมาก ทั้งทางน้ำลาย ได้รับเชื้อจากแผลในปาก จากการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อน เมื่อรับเชื้อเด็กอาจมีไข้สูง และมีตุ่มน้ำใสขึ้นที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ปาก ลิ้น เหงือก มีอาการเจ็บร่วมด้วย และอาการมักจะหายเองภายใน 5-7 วัน โดยโรคแทรกซ้อนที่พบได้คือ สมองอักเสบ หรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบได้
          ดังนั้น หากเด็กมีอาการของโรคมือเท้าปากให้รีบพาเด็กไปพบแพทย์ และเมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคดัวกล่าว เด็กต้องหยุดเรียนอย่างน้อย 1 สัปดาห์ หรือจนกว่าแผลจะหาย
          ไข้เลือดออก เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัส มีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ ซึ่งมียุงลายบ้านเป็นพาหะ เมื่อเด็กได้รับเชื้อจะมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูกและอาจมีจุดเลือดออกตามผิวหนัง
          การป้องกันที่ดีที่สุดคือ อย่าปล่อยให้ยุงกัด กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกซึ่งสามารถให้ได้ในเด็กอายุตั้งแต่ 9 ขวบ จนถึงผู้ใหญ่อายุ 45 ปี หากต้องการรับวัคซีน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์
          โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียนิวโมค็อกคัส เมื่อเด็กติดเชื้ออาจมีอาการไข้สูง ซึม ชักเกร็ง แขนขาอ่อน พ่อแม่ต้องสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดเพราะเด็กเล็กไม่สามารถบอกอาการได้ หากมีอาการดังกล่าวควรรีบมาพบแพทย์
          เนื่องจากเชื้อนิวโมค็อกคัส แพร่กระจาย ผ่านทางระบบทางเดินหายใจ ฉะนั้นจึงควรเลี่ยงพาเด็กไปในที่แออัด หรือหากเลี่ยงไม่ได้ควรใส่หน้ากากอนามัย และฉีดวัคซีนเสริมภูมิต้านทาน โดยฉีด เมื่ออายุ 2, 4 และ 6 เดือน และกระตุ้นซ้ำเมื่ออายุ 12-15 เดือน, ถ้าเริ่มฉีดในเด็กอายุ 7-11 เดือน ให้ฉีดสองครั้งห่างกันสองเดือน และกระตุ้นซ้ำเมื่ออายุ 12-15 เดือน, ส่วนเด็กอายุ 1-5 ขวบ ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนนี้ ให้ฉีดครั้งเดียว ยกเว้นในเด็กที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อนิวโมค็อกคัสชนิดรุนแรง โดยให้ฉีดสองครั้งห่างกันสองเดือน--จบ--

          ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด