ปปป.ลุยโรงปูนสระบุรี 9 มิ.ย. ออกโฉนดมิชอบนอกเขตประทานบัตร เล็งตรวจภูเก็ต จันทบุรีต่อ
Source - มติชนออนไลน์ (Th)

Thursday, June 07, 2018  16:30
63096 XTHAI XLEGAL XETHIC CRIM V%WIREL P%MTCO

          เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยกรมสรรพากร ป.ป.ช. ปปง. บก.ป. ปปท. บก.ปอศ. บก.ปอท. กรมบัญชีกลาง และกองทัพภาคที่ 1 เกี่ยวกับการสอบสวนคดีโรงปูนซีเมนต์ชื่อดังใน จ.สระบุรี ร่วมมือกับข้าราชการท้องถิ่น ออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบนอกเขตประทานบัตร เพื่อระเบิดหิน ทั้งนี้ เตรียมลงพื้นที่ในวันที่ 9 มิถุนายน ใช้เวลาในการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวเป็นคดีค้างเก่าตั้งแต่ปี 2555 ที่ตำรวจปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้เข้าตรวจสอบโรงปูนซีเมนต์แห่งหนึ่งใน ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี จากข้อร้องเรียนว่าระเบิดหินนอกเขตประทานบัตร โดยผู้ประกอบการได้นำเอกสารการใช้ประโยชน์ที่ดินจำนวน 3 แปลง เนื้อที่กว่า 500 ไร่มายืนยัน ซึ่งทาง พงส.บก.ปปป. ตรวจสอบเบื้องต้นพบเป็นการปลอมแปลงโฉนดขึ้นมา
พล.ต.ต.กมลเปิดเผยว่า โฉนดที่ดินมีการใช้แผ่นพิมพ์ตัวจริงจากที่ดินจังหวัดสระบุรีสร้างขึ้นมาแอบอ้างการใช้ประโยชน์ แต่ไม่พบประวัติการถือครองพื้นที่นี้มาก่อน เพราะไม่สามารถออกเอกสารใดๆ ได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ลาดชั้นเกิน 35 เปอร์เซ็นต์ โดยมีข้าราชการท้องถิ่น 1 คนรู้เห็นในการปลอมโฉนด และเซ็นชื่ออนุมัติในโฉนด เพื่อเอื้อประโยชน์กับบริษัทโรงปูนซีเมนต์ ตอนนี้แจงความดำเนินคดีกับข้าราชการรายนี้แล้ว นอกจากนี้ คาดว่าจะมีผู้กระทำความผิดเพิ่มอีก
          พล.ต.ต.กมลเปิดเผยอีกด้วยว่า ส่วนเอกสารการถือครองอีก 2 ฉบับ พนักงานสอบสวนกำลังตรวจสอบว่าเป็นของจริงหรือไม่ ซึ่งได้ระบุว่าเป็นการใช้ประโยชน์นอกเขตประทานบัตรทั้งหมด โดยวันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน จะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนเรื่องการรุกล้ำพื้นที่กรมป่าไม้ได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 โดยเรื่องอยู่ในชั้นอัยการพิจารณาฟ้อง
ส่วนกรณีการตรวจสอบทุจริตด้านการออกเอกสารสิทธิถือครองที่ดิน พล.ต.ต.กมลเปิดเผยอีกด้วยว่า ยังมีอีกหลายจังหวัดที่พบพิรุธลักษณะเดียวกัน เช่น จ.ภูเก็ต เป็นการขอรวมแปลง น.ส. 3 ที่ไม่ได้อยู่ติดกัน เพื่อทำเป็นแปลงใหญ่ มีข้าราชการที่ดินระดับสูงเกี่ยวข้อง ซึ่ง 1 คนได้เสียชีวิตไปแล้วจากกรณีฆ่าตัวตายในห้องคุมตัว กรมสอบสวนคดีพิเศษ และที่ จ.จันทบุรี มีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางสาธารณะในแผนที่รังวัด เพื่อประโยชน์ของตัวเองและผู้อื่น ซึ่งจะทยอยตรวจสอบเป็นรายจังหวัด

          ที่มา: www.matichon.co.th