เคาะสเปกผบ.ตร.ยุคใหม่รับราชการไม่ต่ำกว่า'33ปี' กก.ปฏิรูปรื้อใหญ่แต่งตั้งวาง3หลักเกณฑ์เข้มงวด สกัดซื้อขาย-ย้ายข้ามหัว
Source - แนวหน้า (Th)

Friday, June 08, 2018  08:04
55350 XTHAI XOTHER XFRONT XPOL XGEN DAS V%PAPERL P%NND

          กรรมการร่างกฎหมายปฏิรูปฯลงลึกรายมาตราว่าด้วยการแต่งตั้ง โยกย้ายตำรวจ วาง 3 หลักเกณฑ์เข้ม ตั้งแต่สัญญาบัตรยันระดับผู้บังคับบัญชา กำหนดระยะเวลาดำรงตำแหน่งแต่ละระดับ ไต่เต้าจนเข้าเกณฑ์มีสิทธิ์เป็นแคนดิเดต "ผบ.ตร."ได้ ต้องรับราชการ 33 ปี หรืออายุ 55 ปีขึ้นไป  หวังสกัดซื้อขายตำแหน่ง โยกย้ายข้ามหัวไม่เป็นธรรม
          เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ....แถลงผล ประชุมคณะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจฯ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ว่า คณะกรรมการฯ เริ่มพิจารณาลงรายมาตราในหมวดการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ให้ดำรงตำแหน่งระดับต่างๆ ซึ่งเป็นการบัญญัติหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนไว้ในกฎหมายหลักระดับพ.ร.บ.เป็นครั้งแรก จากที่เคยบัญญัติอยู่ในกฎหมายลำดับรอง อาทิ กฎก.ตร. หรือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเหตุผล ป้องกันการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์เพื่อ เอื้อประโยชน์แก่บางบุคคลเป็นพิเศษ
          นายคำนูณกล่าวว่า การบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรแรกเข้า ที่ไม่ใช่ตำแหน่งวิชาชีพเฉพาะ ให้ดำรงตำแหน่งในส่วนราชการใด ให้ดำเนินการ ดังนี้ 1.ถ้าผู้ที่จะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ให้ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยตลอดหลักสูตรสูงสุด มีสิทธิเลือกก่อนตามลำดับ 2.ถ้าผู้ที่จะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นผู้สอบคัดเลือกหรือแข่งขันได้ ให้ผู้ที่สอบคัดเลือกหรือแข่งขันได้เป็นลำดับที่ 1 มีสิทธิเลือกก่อนเรียงตามลำดับไป หากมีกรณีอื่นนอกเหนือจากนี้ให้ดำเนินการตามวิธีการที่ก.ตร.กำหนด
          ส่วนการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรระดับตำแหน่งต่างๆให้เป็นไปตามข้อกำหนด 3 ประการคือ ระยะเวลา พื้นที่ และการประเมินรายบุคคล โดยเกณฑ์ระยะเวลา ได้กำหนดระยะเวลาขั้นต่ำที่ข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรแต่ละคนต้องอยู่ตำแหน่งในแต่ละลำดับชั้น ให้ครบก่อนจึงจะมีสิทธิได้รับการพิจารณาให้เลื่อนขึ้นดำรงตำแหน่งในลำดับชั้นที่สูงขึ้น ดังนี้
          1.ตำแหน่งสารวัตร ต้องดำรงตำแหน่งรองสารวัตรมาแล้วไม่น้อยกว่า 7 ปี 2.ตำแหน่งรองผู้กำกับการ ต้องดำรงตำแหน่งสารวัตรมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปี 3.ตำแหน่งผู้กำกับการ ต้องดำรงตำแหน่งรองผู้กำกับการมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปี 4.ตำแหน่งรองผู้บังคับการ ต้องดำรงตำแหน่งผู้กำกับการมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปี 5.ตำแหน่งผู้บังคับการ ต้องดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคับการมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปี 6.ตำแหน่งรองผู้บัญชาการ จะต้องดำรงตำแหน่งผู้บังคับการมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี
          7.ตำแหน่งผู้บัญชาการ ต้องดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี 8.ตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี 9.ตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี
          "หมายความว่าตามเกณฑ์ระยะเวลาทั่วไปนี้ ข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรต้องดำรงตำแหน่งระดับชั้นต่างๆอย่างน้อย 33 ปี จึงจะมีโอกาสได้เป็นแคนดิเดทตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) หากข้าราชการตำรวจแรกบรรจุเข้ารับราชการในตำแหน่งรองสารวัตร หลังจบปริญญาตรีมีอายุ 22 ปี ก็จะมาอยู่ในตำแหน่งแคนดิเดท ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติขณะมีอายุอย่างน้อย 55 ปี" นายคำนูณกล่าว
          และว่า เหตุผลสำคัญที่สุด ของการกำหนดเกณฑ์ระยะเวลาขั้นต่ำในการ ดำรงตำแหน่งแต่ละระดับชั้นไว้ในกฎหมายหลักระดับพ.ร.บ.ที่กล่าวไว้ข้างต้น อีกครั้งคือ ป้องกันการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์เพื่อเอื้อประโยชน์แก่บางบุคคล ซึ่งเคยเกิดข้อครหาวิพากษ์วิจารณ์มาแล้ว ในอดีต เมื่อมีการเปลี่ยนหรือพยายามเปลี่ยน กฎก.ตร.ว่าด้วยการนี้ ในลักษณะเสมือน เป็นการลดระยะเวลาระดับบน เพิ่มระยะเวลาระดับล่าง จนเกิดเป็นศัพท์สแลงบางคำ อาทิ ต่อยอดทอดสะพานสูง หรือ ชักบันไดหนี เป็นต้น
          นายคำนูณกล่าวอีกว่า เมื่อผ่านเกณฑ์ เวลาแล้ว ในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจยังต้องพิจารณาจากอีก 2 หลักเกณฑ์คือ เกณฑ์พื้นที่ และเกณฑ์การประเมินรายบุคคล โดยเกณฑ์พื้นที่นั้น จะพิจารณาว่าการแต่งตั้ง ในระดับสารวัตรขึ้นไปจนถึงระดับรองผู้บังคับการ ให้พิจารณาจากผู้มีคุณสมบัติที่รับราชการ อยู่ในภายในภาคเดียวกันเท่านั้น ส่วนเกณฑ์ประเมิน รายบุคคลนั้น จะได้กำหนดให้ข้าราชการ ตำรวจแต่ละคนมีคะแนนประจำตัวถ่วงน้ำหนักจาก 3 กรอบคือ อาวุโส ผลงาน และความพึงพอใจของประชาชน--จบ--

          ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า