'สองผัวเมีย' พึ่งศูนย์ดำรงธรรมถูกผู้มีอิทธิพลตบหน้าหลังร้องเรียนเรื่องดูดทราย
Source - มติชนออนไลน์ (Th)

Wednesday, August 08, 2018  16:08
37402 XTHAI XLOCAL LOC V%WIREL P%MTCO

          เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 8 สิงหาคม ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร ชั้นล่างศาลากลางจังหวัดชุมพร นายวิมล ช่วยพัฒน์ อายุ 57 ปี พร้อมด้วยภรรยาคือ นางนัยน์ภัสสร ช่วยพัฒน์ อายุ 49 ปี และบุตรสาวคือ น.ส.ปรางทิพย์ ช่วยพัฒน์ อายุ 22 ปี ชาวตำบลวังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร เดินทางเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับนายณภัทร สุวรรณเจริญ นิติกรชำนาญการ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร ว่า เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 นายวิมล พร้อมภรรยาและบุตรสาวได้เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพรว่า มีผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง (อดีตนายก อบต.นาขา) ใน ต.นาขา อ.หลังสวน นำเครื่องจักรกลเข้าไปดูดทรายในคลองสาธารณะซึ่งเป็นที่ดินราชพัสดุในหมู่ 8 ต.นาขา อ.หลังสวน ใกล้สวนปาล์มของตน ซึ่งการดูดทรายทำต่อเนื่องกันมาแล้วประมาณ 8 เดือน ทำให้ตลิ่งในสวนปาล์มพังทลายลงคลอง หลังจากนั้นในวันที่ 2 สิงหาคม 2561 ช่วงบ่าย ผู้มีอิทธิพลคนดังกล่าวพร้อมลูกน้องชื่อนายแมว (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) ได้เข้ามาต่อว่านางนัยน์ภัสสรที่อยู่ในลานปาล์มสะพานสูง หมู่ 8 ต.นาขา อ.หลังสวน โดยบอกว่าทราบเรื่องที่นางนัยน์ภัสสรและสามีไปร้องเรียนหมดแล้ว จากนั้นผู้มีอิทธิพลคนเดียวกันได้ใช้ฝ่ามือขวาตบที่ใบหน้านางนัยน์ภัสสร 5 ครั้ง นางนัยน์ภัสสรพร้อมสามีจึงไปแจ้งความที่ สภ.บ้านในหูตซึ่งเป็นโรงพักในที่เกิดเหตุ โดยร้อยเวรได้สอบปากคำนางนัยน์ภัสสร จากนั้นจึงเชิญตัวผู้มีอิทธิพลคนดังกล่าวมาสอบปากคำ และขอให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาไกล่เกลี่ยกัน แต่นางนัยน์ภัสสรไม่ยอม จะขอเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
“พวกเรา 3 คนจึงต้องการมาสอบถามที่ศูนย์ดำรงธรรมว่า เหตุใดหนังสือร้องเรียนที่ลงว่า “ลับ” จึงรั่วไปถึงผู้มีอิทธิพลคนดังกล่าว ซึ่งผู้อิทธิพลคนนี้ยังท้าทายว่า ไม่มีใครทำอะไรเขาได้หรอก ทุกครั้งที่เราไปร้องเรียนเขาก็ทราบหมด หลังจากนี้ให้ระวังตัวเอาไว้ เพราะครอบครัวของเราคงไม่ได้อยู่ดีแน่ และอยากทราบว่า เรื่องที่พวกเราร้องเรียนเกี่ยวกับการลักลอบดูดทรายในที่สาธารณะของผู้มีอิทธิพลรายนี้มีความคืบหน้าบ้างหรือไม่ เพราะผ่านมาเป็นเดือนแล้ว” นางนัยน์ภัสสรกล่าว
          นายณภัทร สุวรรณเจริญ นิติกรชำนาญการ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร กล่าวว่า ขอยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวซึ่งลงเป็นเรื่อง “ลับ” เอาไว้ ไม่ได้รั่วไหลจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพรอย่างแน่นอน มีเพียงการส่งเรื่องให้ อ.หลังสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงเท่านั้น ส่วนกรณีที่มีการทำร้ายร่างกายกันก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย จากนี้จะรีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบเพื่อหาทางช่วยเหลือผู้เสียหายต่อไป

          ที่มา: www.matichon.co.th