"ประธานวุฒิสภา นำคณะผู้แทนรัฐสภาไทยเข้าพบปะหารือทวิภาคีกับประธานสภาผู้แทนราษฎรอินโดนีเซีย ในระหว่างการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 144"
เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 65 เวลา 10.00 น. ณ ห้อง Lily ศูนย์การประชุมนานาชาติบาหลี (BICC) ศ.พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไทย พร้อมด้วย นายอนุศาสน์ สุววรณมงคล สมาชิกวุฒิสภา และน.ส.เพชรดาว โต๊ะมีนา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทย เข้าพบปะหารือทวิภาคีกับ Dr. Puan Maharani ประธานสภาผู้แทนราษฎร สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (Speaker of Dewan Perwakilan Rakyat: DPR) ในโอกาสที่คณะผู้แทนรัฐสภาไทยเดินทางเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 144 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 20 - 24 มี.ค. 65 ณ เขตนูซาดัว จังหวัดบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย
ในการดังกล่าว ประธานวุฒิสภากล่าวว่าแม้รัฐสภาไทยจะมิได้ส่งคณะผู้แทนเข้าร่วมการประชุมสมัชชาครั้งที่ผ่านมา ณ กรุงมาดริด เมื่อเดือน พ.ย. 64 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) แต่ครั้นเมื่ออินโดนีเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในครั้งนี้ไทยจึงให้เกียรติและสนับสนุนอินโดนีเซีย ในฐานะประเทศเจ้าภาพ ตามหลักการ "อาเซียนรวมใจ" (ASEAN solidarity) ที่สมาชิกอาเซียนต่างยึดถือมาช้านาน
ต่อมา หัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไทยได้กล่าวชื่นชมฝ่ายอินโดนีเซียที่นอกจากจะให้การต้อนรับแขกผู้มาเยือนด้วยไมตรีจิตอันอบอุ่นแล้ว ยังได้ทุ่มเทเตรียมการจัดการประชุมระหว่างประเทศขนาดใหญ่ภายใต้มาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่รัดกุม ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพด้านสาธารณสุขของอินโดนีเซียที่จะประกันให้ผู้เข้าร่วมการประชุมปลอดภัยและมีความมั่นใจ โดยประธานวุฒิสภาได้อวยพรให้การจัดการประชุมครั้งนี้ลุล่วงไปด้วยความสำเร็จที่น่าจดจำและบรรลุวัตถุประสงค์ทุกประการ
จากนั้น ทั้งสองฝ่ายได้หารือแลกเปลี่ยนกันในหลากหลายประเด็นของความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยกับอินโดนีเซีย อาทิ การกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีผ่านกลไกกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาของทั้งสองฝ่าย ซึ่งในส่วนของฝ่ายไทยเพิ่งจะมีคณะกรรมการบริหารกลุ่มมิตรภาพฯ ชุดใหม่เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา และหวังว่าปฏิสัมพันธ์การแลกเปลี่ยนระหว่างภาคนิติบัญญัติของทั้งสองฝ่ายจะกลับมาใกล้ชิดแน่นแฟ้นหลังจากภาวะวิกฤตโควิด-19 คลี่คลายลง ส่วนในกรอบพหุภาคี ทั้งสองฝ่ายได้สนับสนุนซึ่งกันและกันเสมอมาผ่านกลไกการทูตรัฐสภาในกรอบความร่วมมือต่าง ๆ อาทิ IPU AIPA APPU APPF และ GOPAC โดยเฉพาะเมื่อแต่ละฝ่ายส่งผู้สมัครลงสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งต่าง ๆ ในกรอบสหภาพรัฐสภา รวมถึงยังได้แลกเปลี่ยนทัศนะในประเด็นความร่วมมือด้านการศึกษา การส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างชาย-หญิง บทบาทของสตรีในรัฐสภา และการย้ายเมืองหลวงของอินโดนีเซียไปยังเมืองนูซันตารา (Nusantara) บนเกาะบอร์เนียว
นอกจากนี้ ฝ่ายอินโดนีเซียได้ทราบว่าประเทศไทยมีแผนที่จะประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ตั้งแต่เดือน ก.ค. ศกนี้ เป็นต้นไป และแจ้งว่าอินโดนีเซียก็มีแผนที่จะดำเนินการในลักษณะเดียวกัน ทั้งนี้ เพื่อผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ให้เศรษฐกิจสามารถเดินหน้าได้ โดยเฉพาะเกาะบาหลีที่พึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือระหว่างไทยและอินโดนีเซียซึ่งอยู่ในระดับที่ดีอยู่แล้ว จะขยายตัวเพิ่มพูนยิ่งขึ้นไปหลังจากวิกฤตโควิด-19 ยุติลง ตลอดจนมีความยินดีที่สายการบินทั้งของไทยและอินโดนีเซียจะกลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบินตรงระหว่างกันเพิ่มมากขึ้นในอนาคตอันใกล้
ในช่วงท้ายของการหารือ ประธานวุฒิสภา ได้กล่าวอวยพรให้ Dr. Puan Maharani ประสบความสำเร็จในการลงรับสมัครเลือกตั้งในตำแหน่งประธานาธิบดีของอินโดนีเซียในปี 2567 พร้อมทั้งได้กล่าวเชิญประธานสภาผู้แทนราษฎรอินโดนีเซียให้เดินทางมาเข้าร่วมการประชุมประจำปีรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก (Asia-Pacific Parliamentary Forum: APPF) ครั้งที่ 30 ซึ่งรัฐสภาไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ณ สัปปายะสภาสถาน กรุงเทพมหานคร ในช่วงเดือน ต.ค. ศกนี้ พร้อมทั้งแจ้งว่ารัฐสภาไทยมีความยินดีที่จะสนับสนุนอินโดนีเซียซึ่งมีกำหนดจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมใหญ่สมัชชารัฐสภาอาเซียน (AIPA General Assembly) ครั้งที่ 44 ในปี 2566 ต่อจากกัมพูชาด้วยเช่นกัน
เครดิตภาพและข่าว : ฝ่ายเลขานุการคณะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 144 กลุ่มงานสหภาพรัฐสภา สำนักองค์การรัฐสภาระหว่างประเทศ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร |