|
|
วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2567 เวลา 14.00 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายกฤช ศิลปชัย รองประธานคณะ กมธ.การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คนที่เจ็ด และนายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ สส.พรรคก้าวไกล แถลงข่าวผลการลงพื้นที่ตรวจสอบการกักเก็บกากแคดเมียมที่ จ.ชลบุรี และ จ.สมุทรสาคร และขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและเอาผิดกับผู้กระทำผิดทั้งหมดตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง โดยขอเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมจาก พ.ร.บ.โรงงานที่ได้ดำเนินคดีไปแล้วกับทั้งเจ้าของกากแคดเมียม ซึ่งเป็นผู้ครอบครองมลพิษดังกล่าวตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ให้เป็นไปตามกฏหมายทุกฉบับที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้ครอบครองโรงงานถลุงแร่ที่กักเก็บกากแคดเมียมดังกล่าว คือ บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ต.หนองบัวใต้ อ.เมือง จ.ตาก ซึ่งประกอบกิจการเกี่ยวกับการค้าสังกะสีทำการเปิดหลุมขุดกากแคดเมียมออกมา ทั้งที่ถูกกำหนดว่าต้องฝังกลบถาวร การขุดการดังกล่าวไม่มีการขออนุญาตในการเปลี่ยนแปลงมาตรการตาม EIA จากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) การขุดขึ้นมาแล้วนำไปขายถือเป็นความผิดทางกฎหมาย และเป็นการละเมิดกฎหมาย จึงขอเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีตามกฎหมายกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการดังกล่าว และต้องมีมาตรการในการดูแลเยียวยาประชาชนที่รับผลกระทบจากการกระทำผิดเรื่องนี้ด้วย ทั้งนี้ ทราบว่ากระทรวงอุตสาหกรรมได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาสอบสวนเรื่องดังกล่าว แต่ยังมีรอยรั่วอีกมากในการดำเนินการของคณะกรรมการชุดนี้ และบริษัทต้นทางหนีไม่พ้นความรับผิดชอบ ต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง ที่มีโทษทั้งอาญาและแพ่ง และจะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
สำหรับผู้ครอบครองกากแคดเมียมกลางทาง คือ บริษัท เจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด จ.สมุทรสาคร ซึ่งบริษัทนี้รับซื้อกากแคดเมียมจากบริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ฯ บริษัทดังกล่าวมีใบอนุญาตในการหลอมอะลูมิเนียม และเมื่อปีที่แล้วได้รับใบอนุญาตเพิ่มเติมเพื่อหลอมสังกะสีและแคดเมียมเพื่อผลิตโลหะสังกะสีแท่งสังกะสีอัลลอยด์ และโลหะแคดเมียม ตนมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตเพิ่มเติมว่า การขออนุญาตในการหลอมสังกะสีและแคดเมียม ต้องออกให้กับโรงงานที่มีเครื่องจักรในการหลอมแคดเมียม แต่โรงงานนี้ไม่มีเครื่องจักรที่มีศักยภาพในการหลอมแคดเมียมดังกล่าว การออกใบอนุญาตของกรมโรงงานอุตสาหกรรมจำเป็นจะต้องตรวจสอบความพร้อมของโรงงานว่ามีความพร้อมในการดำเนินการเกี่ยวกับแคดเมียมหรือไม่ เมื่อไม่มีเครื่องจักร และไม่มีความสามารถในการหลอมสังกะสีหรือแคดเมียม แต่กลับซื้อกากแคดเมียมมาจาก จ.ตาก แต่รีไซเคิลแคดเมียมเองไม่ได้จึงส่งให้โรงงานปลายทางอื่น ๆ ใน จ.สมุทรสาครและ จ.ชลบุรี โดยเฉพาะที่ จ.ชลบุรี เมื่อลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าโรงงานเก็บกากแคดเมียมมีเนื้อที่กว่า 18 ไร่ และโรงงานดังกล่าวเป็นโรงงานของทุนจีน ที่ดำเนินการเหมือนเป็นเหมือนรัฐอิสระ ที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายตนพบว่ากากแคดเมียมถูกนำวางไว้กลางแจ้งไม่มีหลังคาคลุม ซึ่ง 2 - 3 วันก่อนหน้านี้ มีฝนตกลงมา แสดงว่าเกิดการปนเปื้อนสารเคมีต่อสิ่งแวดล้อมไปแล้วอย่างแน่นอน ตนจึงตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า เมื่อมีการอายัดกากแคดเมียมแต่ไม่มีการดูแลเรื่องการปนเปื้อนสิ่งแวดล้อม มีถุงขนาดใหญ่บางส่วนวางทิ้งไว้แต่ภายในไม่มีกากแคดเมียม เมื่อสอบถามพนักงาน ได้รับคำตอบว่ากากแคดเมียมที่วางกองที่พื้น เป็นส่วนที่แตกจากถุงขนาดใหญ่จึงทำการเปลี่ยน นอกจากนี้ ยังมีการเก็บกากแคดเมียมในโกดังข้างเคียงโดยไม่ได้อยู่ในถุงที่ปิดมิดชิด และพื้นที่โดยรอบกองกากแคดเมียมมีน้ำขัง และมีรอยล้อรถ อีกทั้ง การขนย้ายกากแคดเมียมดำเนินการโดยที่ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันตัว ทั้งนี้การตรวจนับสารเคมีเหล่านี้จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมจังหวัดมาควบคุม จะให้พนักงานดำเนินการโดยลำพังไม่ได้ จึงตั้งข้อสังเกตว่า การขนย้ายกากแคดเมียมที่โรงงานทำเป็นการลักลอบหรือแอบนำไปทำอย่างอื่นหรือไม่ และเจ้าหน้าที่รัฐปล่อยประละเลยการทำหน้าที่หรือไม่ ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการสอบสวนเจ้าหน้าที่รัฐที่อนุญาตให้โรงงานดังกล่าวนำกากแคดเมียมจากบ่อกลบภายในโรงงานออกมา และดำเนินคดีเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง เพราะที่ได้ดำเนินคดีไปนั้นยังไม่มีความครบถ้วนตามกฎหมายทุกฉบับที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม กฎหมายโรงงาน และ พ.ร.บ.ว่าด้วยวัตถุอันตราย หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบทั้งหมด ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย จึงขอเรียกร้องให้มีการสอบสวนและดำเนินคดีกับอธิบดีกรมการอุตสาหกรรม ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รมว.อุตสาหกรรม โดยทั้งหมดนี้ต้องมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการชดเชยเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนและหากพบว่ามีการละเลยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต้องเอาโทษให้ถึงที่สุด รัฐบาลต้องเร่งสอบสวนเรื่องนี้เพื่อให้ข้อเท็จจริงได้ปรากฏโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สผ. เป็นผู้กำกับงาน EIA แต่ถูกโรงงานต้นทางละเมิด EIA ต้องมีการสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องใน สผ. ด้วย และต้องมีการตรวจสอบกระทรวงการคลังด้วย เพราะกระทรวงการคลังถือหุ้นบริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ ฯ 1 ใน 10 ผู้ถือหุ้นต้องมีสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะผู้ถือหุ้นที่เป็นหน่วยงานรัฐ กฎหมายควรเอาผิดไปถึงผู้ถือหุ้นเช่นกันรวมถึงภาระหน้าที่ของกระทรวงการคลังที่จะต้องร่วมรับผิดชอบและชดเชยกับสิ่งที่เกิดขึ้นในฐานะผู้ที่เกี่ยวข้องแต่ไม่พบการแสดงความรับผิดชอบใด ๆ จากหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การดูแลรับผิดชอบของกระทรวงการคลัง
สำหรับการจัดการกากแคดเมียมที่จะขนกลับไปยัง จ.ตาก เป็นการกระทำที่เร่งรีบเกินไปหรือไม่ ต้นทางที่จ.ตากมีความพร้อมเพียงพอแล้วหรือยังที่นำกากแคดเมียมกลับไป เกรงว่าเมื่อนำกากดังกล่าวกลับไปแล้วหากหลุมฝังกลบไม่มีความพร้อมก็จะเกิดปัญหาตามมาอีก การดำเนินการขนย้ายกลับต้องเป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมายที่อนุญาต ต้องมีความพร้อมและต้องดำเนินการจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นการเฉพาะ จะนำใส่รถบรรทุกขนกลับโดยไม่มีการปิดมิดชิดไม่ได้ และระยะทางกว่า 600 กิโลเมตรจาก จ.ชลบุรีไป จ.ตาก เป็นระยะทางที่ไกลมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุที่สำคัญอาจจะต้องใช้รถกว่า 600 เที่ยวขึ้นไปในการขนกลับ ซึ่งประเด็นนี้ กมธ.การที่ดินฯ จะหารือในที่ประชุม วันที่ 1 พ.ค. 67 เพื่อหาทางออกให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ถูกต้องตามหลักกฎหมายและวิชาการ รวมทั้งมีความปลอดภัยกับพี่น้องประชาชน
สำหรับกรณีไฟไหม้โกดังเก็บกากอุตสาหกรรมและสารเคมี ของบริษัท วินโพรเสส จำกัด อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ตน และสส.พรรคก้าวไกลในพื้นที่ ได้ลงพื้นที่ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ และได้เห็นสถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น จนมีการตั้งข้อสังเกตว่า การดำเนินการของภาครัฐมีความล่าช้าเกินไปหรือไม่ ไม่มีการเร่งใช้โฟมในการดับไฟ เนื่องจากไม่มีความชัดเจนวนเงื่อนไขของผู้ที่รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ตนได้พูดคุยกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ทราบว่ายังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการประกาศเขตประสบสาธารณภัยเมื่อไร หรือจะประกาศเป็นพื้นที่ประสบเหตุภัยพิบัติหรือไม่ ทำให้ไม่สามารถดับไฟได้โดยเร็ว ส่งผลกระทบกระจายต่อประชาชนเป็นกว้างมีพี่น้องได้รับความเดือดร้อน 1,700 คน จากพื้นที่ 2 ตำบลในพื้นที่ใกล้เคียง รัฐดำเนินการล่าช้าทั้งเรื่องแผนอพยพประชาชนในพื้นที่ และการประกาศเขตประสบภัย รวมไปถึงการให้ช่วยเหลือประชาชนมีความล่าช้าไม่ทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงขอเรียกไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้องว่า เมื่อเผชิญเหตุการณ์ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่ไฟไหม้ธรรมดาแต่เป็นไฟไหม้สารเคมี ซึ่งกรมโรงงานฯ มีข้อมูลสารเคมีภายในโรงงานอยู่แล้ว แต่ไม่มีการให้ข้อมูลกับผู้ดับเพลิง หากให้ข้อมูลที่ชัดเจนจะสามารถดับเพลิงได้ เพลิงไม่ลุกลาม ปัจจุบันแม้ไฟจะดับไปแล้วแต่ควันพิษ ไอควันความร้อนทั้งหลายที่ยังระอุในพื้นที่สร้างผลกระทบให้กับพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่ง คณะ กมธ.การที่ดินฯ จะพิจารณาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนโดยมีข้อสงสัยว่าเมื่อศุกร์ที่ 19 เม.ย. 67 กมธ.ได้ประชุมร่วมกับศูนย์ราชการในพื้นที่ มีการพูดคุยในเรื่องนี้ และอุตสาหกรรมจังหวัดมีหนังสือสั่งการไปยังโรงงานดังกล่าวให้รีบดำเนินการขนย้ายกากแคดเมียมออกจากพื้นที่ก่อนเข้าหน้าฝน เมื่อประชุมเสร็จวันศุกร์ วันจันทร์ก็เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานดังกล่าวซึ่งเป็นข้อสงสัยว่าเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้เกิดจากอากาศร้อนตามที่หลายฝ่ายให้ข่าว หรือเป็นการลักลอบวางเพลิงเพื่อเผาสารเคมี เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่รัฐบาลต้องตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ในส่วนของ กมธ. จะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มข้น หากพบผู้ใดกระทำผิดหรือใครมีส่วนร่วมในการ กระทำความผิดครั้งนี้จะต้องมีมาตรการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
|
|
|
สงวนลิขสิทธิ์โดย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๑๑๑๑ ถ.สามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐
Call Center ๑๗๔๓ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๐๐ โทรสาร ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๙๐
e-Mail : webmaster@parliament.go.th [ คลิกดูแผนที่]
|
|
|
|