ดร.ธนิตศักดิ์ สุริยประพัตน์ ผู้ช่วยผู้ดำเนินงานของนายนิโรธ สุนทรเลขา ประธานกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร รับยื่นหนังสือจากตัวแทน 19 เครือข่ายภาคประชาชน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่รับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. .... ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี

วันพุธที่ 15 ธันวาคม 2564 เวลา 14.45 นาฬิกา ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา ดร.ธนิตศักดิ์ สุริยประพัตน์ ผู้ช่วยผู้ดำเนินงานของนายนิโรธ สุนทรเลขา ประธานกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร รับยื่นหนังสือจากตัวแทน 19 เครือข่ายภาคประชาชน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่รับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. .... ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี ด้วยการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 ก.พ.64 ได้มีมติเห็นชอบหลักการของร่างกฎหมายว่าด้วยการดำเนินงานขององค์กรที่ไม่แสวงหารายได้หรือกำไรมาแบ่งปันกัน ตามที่สำนักงานกฤษฎีกาเสนอ และให้รับหลักการร่าง พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม พ.ศ. .... ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) รวมทั้งความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปประกอบการยกร่างกฎหมายก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ วันที่ 12 มี.ค.64 ได้มีการเผยแพร่ร่าง พ.ร.บ. ที่จัดทำขึ้นมาตามมติ ครม.ดังกล่าว และต่อมาวันที่ 13 ธ.ค.64 คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 2) ได้มีการจัดทำร่าง พ.ร.บ.การดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. …. ขึ้นมา ซึ่งเป็นการคัดลอกเนื้อหาบางส่วนจาก ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม พ.ศ. ….มากำหนดไว้ในหมวด 1 การส่งเสริมและพัฒนาองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งยังไม่ได้มีการหารือกับกระทรวง พ.ม. มาก่อนแต่อย่างใด สำหรับในหมวด 2 การดำเนินงานหากำไร เป็นการปรับปรุงจากร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการดำเนินงานขององค์กรที่ไม่แสวงหารายได้หรือกำไรมาแบ่งปันกัน พ.ศ. …. ที่ยังคงเน้นเรื่องการจำกัดสิทธิ การควบคุม การลงโทษผู้ฝ่าฝืน มีมาตรการควบคุมในลักษณะเดียวกับกฎหมายป้องกันการฟอกเงินที่ใช้บังคับกับองค์กรที่ให้การสนับสนุนผู้ก่อการร้าย เครือข่ายภาคประชาชนทั้ง 19 เครือข่าย จึงขอประกาศข้อเรียกร้องร่วมกัน โดยไม่ยอมรับร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการดำเนินงานขององค์กรไม่แสวงหากำไรฯ ฉบับนี้ และพร้อมขอเคลื่อนไหวให้ถึงที่สุด เพื่อให้เกิดการยกเลิกร่างกฎหมายนี้ในทุกขั้นตอนตามกระบวนการทางนิติบัญญัติ เนื่องจากมีความเห็นว่า “ร่างกฎหมายนี้เป็นการควบคุมและกีดกันการมีส่วนร่วมขององค์กรภาคประชาชนในการกำหนดทิศทางและนโยบายสาธารณะ เพื่อความมุ่งหมายการรวมศูนย์อำนาจในการปกครองประเทศ ซึ่งเป็นการขัดกับหลักประชาธิปไตย หลักสิทธิมนุษยชน และหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งกฎหมายฉบับนี้มาจากการสั่งการของนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับกระบวนการในการจัดทำกฎหมาย เพราะก่อนการตรากฎหมายต้องรับฟังความคิดเห็น และการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้าน”