ตามที่ สมาพันธ์คนจันท์ต้านเหมืองทอง ภาคีเครือข่ายองค์กรทุกภาคส่วน และพี่น้องประชาชนชาว จ.จันทบุรี ได้แถลงการณ์แสดงจุดยืนในการคัดค้านการออกอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำฯ  รวมถึงการขอใช้สิทธิบุคคลและชุมชนตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560  มาตรา 43 (2) และ (3) ให้มีการถอดถอน จ.จันทบุรี ออกจากเขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองโดยเร็วนั้น สมาพันธ์คนจันท์ต้านเหมืองทอง ขอเรียนชี้แจงว่า พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 มาตรา 7 กำหนดให้ รัฐมีหน้าที่ในการบริหารจัดการแร่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ และประชาชนอย่างยั่งยืน โดยต้องคำนึงถึงดุลยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนอย่างรอบด้าน แต่ปรากฏว่าตลอดระยะเวลาเกือบ 6 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลซึ่งเป็นผู้กำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อขั้นตอนการขออนุญาติดังกล่าว ยังเพิกเฉยมิได้มีการดำเนินการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับคนจันทบุรี อีกทั้งพื้นที่ที่จะขออาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำฯ เข้าข่ายขัดต่อกฎหมาย เนื่องจากเป็นพื้นที่แหล่งต้นน้ำหรือพื้นที่น้ำชับซึม ตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 มาตรา 17 (48) ด้วย
ในการนี้ จึงขอใช้สิทธิบุคคลและชุมชน ผ่านกลไกนิติบัญญัติ อันเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญฯ โปรดพิจารณาและมีข้อสั่งการเพื่อเร่งรัดกระบวนการในการยุติคำขอออกอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำฯ และให้ถอดถอน จ.จันทบุรี ออกจากเขตพื้นที่แหล่งแร่เพื่อการทำเหมือง ตามแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่โดยเร็ว

โดย น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ขอเป็นตัวแทนรับเรื่องดังกล่าวนำกราบเรียนประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป ในการนี้ ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ฝากให้กำลังใจพี่น้องประชาชนชาว จ.จันทบุรี และเห็นว่าเรื่องดังกล่าวมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งต้องหาทางแก้ไขร่วมกันระหว่างรัฐบาลและภาคประชาชนต่อไป