นายวีระกร คำประกอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า (บีทีเอส) แถลงข่าวว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญ ได้มีมติตั้งข้อสังเกต ในการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้าเพื่อส่งไปยังคณะรัฐมนตรี

วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 11.53 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายวีระกร คำประกอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า (บีทีเอส) แถลงข่าวว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญ ได้มีมติตั้งข้อสังเกต ในการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้าเพื่อส่งไปยังคณะรัฐมนตรีว่า ยังไม่ควรต่อสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียวซึ่งจะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2572 ซึ่งเหลือระยะเวลาอีกถึง 7 ปี สาเหตุสำคัญที่ทางกรรมาธิการขอให้รัฐบาลไม่ต่อสัญญานั้น เพราะรถไฟฟ้าสายสีเขียว เป็นรถไฟฟ้าที่เปรียบเสมือนไข่แดงเป็นใจกลางของกรุงเทพมหานคร และมีรถไฟฟ้าอีก 10 สายที่สามารถเชื่อมต่อได้ เปรียบเหมือนกับขาปูที่แยกออกไปหลายทิศทางแต่ทุกสายต้องอาศัยรถไฟฟ้าสายสีเขียวเป็นจุดในการเชื่อมต่อ หากไม่มีรถไฟฟ้าสายสีเขียวรถไฟฟ้าสายอื่นอีก 10 สายที่เป็นขาปู ก็จะไม่สามารถรองรับผู้โดยสารได้มาก ดังนั้น เหตุที่ไม่ต้องการให้มีการต่อสัญญาสัมปทานให้กับบริษัทที่ดูแลรถไฟฟ้าสายสีเขียวในขณะนี้นั้น เพื่อให้รัฐบาลซึ่งจะได้สัมปทานอีก 7 ปีข้างหน้านั้น มีข้อต่อรองกับรถไฟฟ้าอีก 10 สายที่แยกออกไปและจำเป็นต้องใช้รถไฟฟ้าสายสีเขียวใช้เป็นจุดเชื่อมต่อ หากไม่มีรถไฟฟ้าสายสีเขียวรัฐบาลจะไม่มีข้อใดในการต่อรองเพื่อลดค่าโดยสารให้แก่ประชาชน ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ที่สำคัญในการสร้างรถไฟฟ้านั้น เพื่อแก้ปัญหาความหนาแน่นของการจราจรในกรุงเทพมหานคร แต่ขณะนี้อัตราค่าโดยสารค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรายได้และค่าครองชีพของประชาชนชั้นล่างและชั้นกลางค่อนข้างล่างที่ไม่สามารถใช้บริการรถไฟฟ้าได้ เนื่องจากมีราคาสูงถึงเที่ยวละ 65 บาท ทำให้เห็นได้ว่า รายได้ของประชาชนไม่สอดคล้องกับราคาของค่าโดยสาร จึงขอยืนยันกับรัฐบาลว่าต้องเอารถไฟฟ้าสายสีเขียวมาเป็นข้อต่อรองในการเจรจา โดยขอให้ลดค่าโดยสารลงทุกสาย โดยเงื่อนไข คือ หากลดราคาค่าโดยสารลง จำนวนผู้โดยสารจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน นอกจากนี้ สิ่งที่รัฐบาลจำเป็นต้องทำอย่างแน่นอนคือ รัฐบาลจะต้องกำหนดราคาของค่าโดยสารให้ไม่เกินร้อยละ 10 ของรายได้ขั้นต่ำของคนกรุงเทพมหานคร ซึ่งหมายความว่าในปี 72 ค่าโดยสารรถไฟฟ้าทุกสายตลอดทั้งวัน ทั้งไปและกลับจะต้องไม่เกิน 40 บาทต่อเดือน นี่คือเหตุผลสำคัญที่รัฐบาลไม่จำเป็นต้องรีบดำเนินการให้ต่อสัญญาสัมปทานในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม การลดอัตราค่าโดยสารจะทำให้มีจำนวนผู้โดยสารจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เพราะการโดยสารด้วยรถไฟฟ้ามีความสะดวกและตรงต่อเวลา