|
|
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร |
นายอันวาร์ สาและ ประธานคณะ กมธ.การพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา และคณะ รับยื่นหนังสือจาก นายสุภัทร ติระชูศักดิ์ ฝ่ายกฎหมาย บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เรื่อง ขอความเป็นธรรมกรณีโครงการระบบการขนส่งทางรถไฟยกระดับในกรุงเทพมหานคร
๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 22 ๏ฟฝ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2565
|
วันพุธที่ 22 มิถุนายน 2565 เวลา 13.00 นาฬิกา ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายอันวาร์ สาและ ประธานคณะ กมธ.การพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา และคณะ รับยื่นหนังสือจาก นายสุภัทร ติระชูศักดิ์ ฝ่ายกฎหมาย บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เรื่อง ขอความเป็นธรรมกรณีโครงการระบบการขนส่งทางรถไฟยกระดับในกรุงเทพมหานคร สืบเนื่องจากบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการทางรถไฟยกระดับในกรุงเทพมหานคร (Bangkok Elevated Road and Train System-BERTS) เพื่อมุ่งแก้ปัญหาการจราจรบริเวณจุดตัดระหว่างถนนกับทางรถไฟ ทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร และในสัญญาสัมปทานระหว่าง กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2533 การดำเนินโครงการ ภายสัญญาสัมปทาน บริษัท โฮปเวลล์ฯ เป็นผู้รับผิดชอบจัดหาเงินลงทุนดำเนินโครงการเองทั้งหมด อีกทั้งบริษัท โฮปเวลล์ ยังมีภาระผูกพันต้องจ่ายค่าตอบแทนล่วงหน้าแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ไม่ต่ำกว่า 10,050 ล้านบาท โดยเริ่มจ่ายทันที จำนวน 300 ล้านบาท ในวันลงนามสัญญาสัมปทาน และจ่ายเพิ่มขึ้นปีละ 50 ล้านบาท ทุกๆ ปี บริษัท โฮปเวลล์ฯ ได้ทุ่มเทดำเนินโครงการฯ อย่างเต็มที่ เพื่อมุ่งหวังให้โครงการเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาจราจรของกรุงเทพมหานคร และอำนวยความสะดวกแก่การเดินทางของประชาชนโดยทั่วไป แต่น่าเสียดายที่การดำเนินโครงการต้องประสบกับปัญหาการส่งมอบพื้นที่ดำเนินโครงการล่าช้า อีกทั้งยังประสบกับปัญหาการตรวจพิจารณาอนุมัติแบบก่อสร้างที่เป็นไปอย่างล่าช้าล้วนเกิดจากหน่วยงานภาครัฐที่เป็นคู่สัญญา แต่บริษัท โฮปเวลล์ฯ กลับถูกกระทรวงคมนาคม และ รฟท. มีหนังสือบอกเลิกสัญญา ลงวันที่ 27 มกราคม 2541 โดยกล่าวหาว่าบริษัท โฮปเวลล์ฯ ก่อสร้างโครงการล่าช้า จนไม่อาจยอมรับได้ และบริษัท โฮปเวลล์ฯ ได้ร้องขอความเป็นธรรมต่อคณะอนุญาโตตุลาการ และคณะอนุญาโตตุลาการ ได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาด เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551 ให้คู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่าย คือ กระทรวงคมนาคม และ รฟท, กับ บริษัท โฮปเวลล์ฯ กลับคืนสู่สถานะเดิม โดยให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท. คืนเงิน จำนวน 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย อัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี แก่บริษัทโฮปเวลล์ฯ ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ยังไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ด้วยการยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครอง และศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำพิพากษาเป็นที่สุด เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 ให้ กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ แต่กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ได้ใช้กลไกมาตรการทางกฎหมายหลายประการ เพื่อมุ่งหวังลบล้างคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด และคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ บริษัท โฮปเวลล์ฯ เห็นว่าพฤติกรรมของกระทรวงคมนาคม และ รฟท. อาจเป็นการกระทำมิชอบ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การค้า การลงทุน และการพัฒนาเศรษฐกิจ ตลอดจนระบบกฎหมาย รวมทั้งกระบวนการยุติธรรมของประเทศ จึงขอให้คณะ กมธ. คณะ ได้พิจารณาตรวจสอบการกระทำของกระทรวงคมนาคม และ รฟท. พร้อมกับเร่งรัดให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยชี้ขาด ของคณะอนุญาโตตุลาการ และคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด เพื่อความโปร่งใส เป็นธรรม และความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในสายตาประชาคมโลก
นายอันวาร์ สาและ กล่าวภายหลังรับยื่นหนังสือว่า เรื่องร้องเรียนของบริษัท โฮปเวลล์ฯ นั้น บริษัทฯ ได้นำเงินมาลงทุนกับโครงการแต่ไม่ได้เบิกจ่ายเงินจากภาครัฐแต่อย่างใด อีกทั้งบริษัทฯ จ่ายเงินสัมปทานให้กับภาครัฐด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ชนะคดี จึงได้ทวงถามเงินที่บริษัทฯ ได้นำเงินมาลงทุน ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการ เพื่อได้รับทราบข้อเท็จจริงว่าบริษัทฯ ไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะเหตุใด
|
|
|
สงวนลิขสิทธิ์โดย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๑๑๑๑ ถ.สามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐
Call Center ๑๗๔๓ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๐๐ โทรสาร ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๙๐
e-Mail : webmaster@parliament.go.th [ คลิกดูแผนที่]
|
|
|
|