วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม 2565 เวลา 13.30 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ และนายปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์ ส.ส. พรรคก้าวไกล แถลงข่าว ภายหลังที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาลงมติเห็นชอบในมาตรา 169/1 ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. .... ซึ่งพรรคก้าวไกล รวมทั้ง กมธ.เสียงข้างน้อย และสมาชิกรัฐสภา ตั้งข้อสังเกตว่ามาตราดังกล่าวเป็นกฎหมายที่เอื้อให้มีระบบตั๋ว ซึ่งมีหลายแบบ ตั้งแต่ตั๋วช้างและไล่ลงมา สิ่งนี้เป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วย และพยายามย้ำเพื่อปฏิเสธการมีอยู่ของระบบตั๋วดังกล่าว โดยคาดหวังว่ารัฐสภาจะสนับสนุนประเด็นที่พรรคก้าวไกลเสนอ เพราะจะทำให้ระบบตั๋วต่าง ๆ ลดลง แต่ดูเหมือนว่าแม้จะพยายามเตือนด้วยเสียงอันดังที่สุดแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ กมธ. เสียงข้างมากกลับทำให้เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และทำให้ระบบตั๋วยังคงเกิดขึ้นต่อไป นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลพยายามผลักดันกฎหมายฉบับนี้ในหลากหลายประเด็นที่เป็นประโยชน์ทั้งสิ้น แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ และน่าเสียดายที่การปฏิรูปตำรวจในครั้งนี้ไม่ใช่การปฏิรูปตำรวจที่แท้จริง พรรคก้าวไกลพยายามผลักดันกฎหมายที่มีคุณภาพที่สุดสำหรับองค์กรตำรวจ แต่รู้สึกผิดหวังที่สุดท้ายวาระต่าง ๆ ที่พยายามผลักดันกลับไม่ประสบผลสำเร็จ และกลายเป็นว่าต้องลงมติผ่านกฎหมายที่ไม่มีคุณภาพแบบนี้ กฎหมายฉบับนี้ไม่ใช่กฎหมายที่ทำให้องค์กรตำรวจยกระดับไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้นเลย ดังนั้น ขอให้พี่น้องตำรวจทุกคนช่วยกันดูว่าใครที่ลงมติผ่านกฎหมายแบบนี้ไปบังคับใช้ ซึ่งสุดท้ายจะทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมและเอาเปรียบตำรวจมากยิ่งขึ้น รวมทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นเรื้อรังก็จะคงถูกทิ้งเอาไว้แบบนั้น
จากนั้น พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้ คำปรารภยังระบุไม่คมชัด และขัดกับรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ด้านการประเมินผลสัมฤทธิ์นั้น คณะกรรมการกฤษฎีกา บอกว่าอยู่ในกฎหมายกลาง ดังนั้นประชาชนต้องติดตามเรื่องการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายว่าอยู่ในกฎหมายฉบับอื่นหรือไม่ หากมีอยู่แปลว่าสิ่งที่คณะกรรมการกฤษฎีกาพูดผิด เพราะการติดตามการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายต้องมีความชัดเจน นอกจากนี้ ระบบตั๋วที่ออกมาต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่พูดไว้ในสภา ส่วนการตรากฎหมายฉบับนี้ยังไม่สมบูรณ์ ประชาชนและตำรวจชั้นผู้น้อยยังไม่ได้รับประโยชน์จากกฎหมายฉบับนี้เท่าที่ควร และผู้ที่ลงมติผ่านกฎหมายฉบับนี้ต้องตอบให้ได้ว่า มาตรา 169 /1 เป็นการสร้างผลประโยชน์เพื่อใคร
ด้าน พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนพยายามปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. .... ให้ดีขึ้นเหมือนประเทศที่เจริญแล้ว และร่างที่ตนเสนอนั้น มีความแตกต่างจากร่างของคณะรัฐมนตรีในทุกมิติ ทั้งในเรื่องของโครงสร้างองค์กรที่ต้องทันสมัย มีความยึดโยงกับประชาชน รวมไปถึงมีการกระจายอำนาจให้ตำรวจแต่ละจังหวัดขึ้นอยู่กับคนที่ประชาชนเลือกขึ้นมาในพื้นที่ และมีความแตกต่างในมิติของการบริหารงานบุคคล การดำเนินการทางวินัย โทษทางวินัยที่ป่าเถื่อนและโหดร้ายที่สร้างวัฒนธรรมองค์กร ทำให้ตำรวจต้องคอยรับใช้นาย ไม่ใช่ประชาชนนั้น เราสามารถทำให้เปลี่ยนแปลงได้ เพื่อให้ตำรวจเป็นผู้รับใช้ประชาชน และผู้บังคับบัญชาคือ ผู้ที่สนับสนุนผู้ปฏิบัติงาน การเขียนกฎหมายของคณะรัฐมนตรีที่เสนอมายังมีความบกพร่องหลายประการ ตั้งแต่การยกร่างหลายมาตราที่อยู่ผิดที่ผิดทาง ผิดหมวดหมู่ สร้างความลำบากแก่ผู้ปฏิบัติและผู้ใช้กฎหมาย อย่างไรก็ตาม ตนจะไม่หยุดความพยายามในการเปลี่ยนแปลงองค์กรตำรวจให้ดีขึ้น จะพยายามผลักดันร่างกฎหมายที่เสนอต่อไป เพราะเป็นกฎหมายที่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้นได้ ครั้งนี้แม้จะผิดหวังแต่ก็ไม่เป็นไร และหวังว่าการเลือกตั้งในครั้งต่อไป พรรคก้าวไกลจะได้เสียงสนับสนุนมากขึ้น เพื่อมาเป็นเสียงแทนประชาชนในสภา และจะได้ผลักดันสิ่งต่าง ๆ ได้มากกว่านี้
และนายปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์ กล่าวว่า คนพิการควรมีสิทธิ์ได้เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ และเป็นผู้รับใช้ประชาชนในฐานะคนเท่ากันเช่นเดียวกัน
ประกวดนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาประชาธิปไตย ๒๕๖๔
๗๐ ปี แห่งสมาชิกภาพของรัฐสภาไทยในสหภาพรัฐสภา
เล่าเรื่องในหลวง ร.๙ ภายใน ๒ นาที
วีดิทัศน์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้า
สารานุกรมฉบับเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนฯ