ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ประธานคณะ กมธ.การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และ การมีส่วนร่วมของประชาชน รับยื่นหนังสือจาก น.ส. วศินี พบูประภาพ ผู้แทนเครือข่ายวิชาชีพสื่อมวลชน

๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 24 ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2566

วันอังคารที่ 24 มกราคม 2566 เวลา 13.00 นาฬิกา ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1(โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ประธานคณะ กมธ.การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และ การมีส่วนร่วมของประชาชน รับยื่นหนังสือจาก น.ส. วศินี พบูประภาพ ผู้แทนเครือข่ายวิชาชีพสื่อมวลชน เรื่อง ขอคัดค้านร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. ....  พร้อมแนบรายชื่อผู้ร่วมคัดค้านจำนวน 2,000 รายชื่อ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติผ่านร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. .... เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2565 แล้วนั้น คาดว่าจะนำเข้าสู่การประชุมร่วมกันของรัฐสภาในเร็ว ๆ นี้ โดยมีบันทึกหลักการและเหตุผลว่า “สมควรกำหนดให้มีองค์กรเพื่อทำหน้าที่คุ้มครองเสรีภาพของบุคคลซึ่งประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติรับรองและกำหนดให้มีการส่งเสริมจริยธรรมสื่อมวลชนเพื่อให้การทำหน้าที่ตามมาตรฐานวิชาชีพเป็นไปอย่างเหมาะสม" ซึ่งมีสาระสำคัญของร่างกฎหมายดังกล่าว คือ กำหนดให้มีองค์กรชื่อ “สภาวิชาชีพสื่อมวลชน” ขึ้นมาทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานจริยธรรมของสื่อมวลชน พร้อมกำกับดูแลการทำงานของสื่อมวลชนให้เป็นไปตามมาตรฐานจริยธรรมนั้น โดยมีคณะกรรมการสภาวิชาชีพสื่อมวลชนที่ประกอบด้วยตัวแทนองค์กรวิชาชีพสื่อในปัจจุบันจำนวน  5 คน ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านต่าง ๆ อีกจำนวน 5 คน ซึ่งผ่านการคัดเลือกโดยคณะกรรมการสรรหา พร้อมกับผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ที่เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง อีกจำนวน 1 คน รวมจำนวนทั้งสิ้น 11 คน ทั้งนี้ นักวิชาชีพและนักวิชาการสื่อมวลชน ได้พิจารณาแล้วเห็นพ้องกันว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพในการรายงานข่าวสารของสื่อมวลชน รวมถึงสิทธิเสรีภาพในการเข้าถึงข่าวสารของประชาชน พร้อมกันนี้ยังได้แสดงความกังวลต่อเนื้อหาในร่างกฎหมายที่ผ่านคณะรัฐมนตรีแล้ว ดังนี้
1. การจำกัดเสรีภาพของสื่อมวลชน : มาตรา 5 ของร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว แม้จะรับรองเสรีภาพในการเสนอข้อมูลข่าวสารหรือการแสดงความคิดเห็น "ตามจริยธรรมสื่อมวลชน" แต่ก็มีข้อยกเวันว่า"ต้องไม่ขัดต่อหน้าที่ของปวงชนชาวไทย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน" ซึ่งที่ผ่านมาคำว่า "หน้าที่ของปวงชนชาวไทย" และ "ศีลธรรมอันดีของประชาชน" มักถูกรัฐตีความอย่างกว้างขวางเพื่อใช้ในการจำกัดเสรีภาพตลอดมา จึงทำให้เกิดข้อกังวลว่าจะกระทบต่อสิทธิในการรับรู้ข่าวสารของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย
2. ผลประโยชน์ทับซ้อน : มาตราที่ 8 และ 9 ของร่างกฎหมายดังกล่าวกำหนดแหล่งรายได้ของสภาวิชาชีพสื่อมวลชนว่ามาจาก 7 ช่องทาง รวมถึงจากเงินที่รัฐบาลจ่ายให้เป็นทุนประเดิม เงินอุดหนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี และเงินที่ได้รับการจัดสรรโดยคณะกรรมการบริหารกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ไม่ต่ำกว่าปีละ 25 ล้านบาท ขณะที่หลักการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนต้องเป็นผู้ตรวจสอบการดำเนินการของภาครัฐ เช่นนี้แล้ว สภาวิชาชีพสื่อมวลชนจะรับประกันความเป็นอิสระจากภาครัฐได้อย่างไร หากมีแหล่งรายได้มาจากรัฐ
3. ไม่เอื้อต่อการมีส่วนร่วม : คณะกรรมการสภาวิชาชีพสื่อมวลชนนั้น มาจากการสรรหาของคณะกรรมการสรรหา ประกอบด้วยกลุ่มบุคคลในวงจำกัด ได้แก่
1. คณบดีหัวหน้าภาควิชา หรือ ผู้แทนคณะ หรือภาควิชาด้านนิเทศศาสตร์ หรือสื่อสารมวลชนในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่มิใช่มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลคัดเลือกกันเองให้เหลือ 1 คน
2.คณบดีหัวหน้าภาควิชา หรือ ผู้แทนคณะ หรือภาควิชาด้านนิเทศศาสตร์ หรือสื่อสารมวลชนในมหาวิทยาลัย ราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล คัดเลือกกันเองให้เหลือ 1 คน
3. คณบดีหัวหน้าภาควิชา หรือ ผู้แทนคณะ หรือภาควิชาด้านนิเทศศาสตร์ หรือสื่อสารมวลชนในสถาบันอุดมศึกษาของเอกชน คัดเลือกกันเองให้เหลือ 1 คน
4. ผู้แทนองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนด้านสื่อหนังสือพิมพ์ ด้านสื่อวิทยุและโทรทัศน์ ด้านสื่อออนไลน์ ซึ่งแต่ละด้านคัดเลือกกันเองให้เหลือด้านละ1 คน 5. ผู้แทนสหพันธ์องค์กรคุ้มครองผู้บริโภค จำนวน 1 คน
โครงสร้างของคณะกรรมการดังกล่าวไม่ได้ยึดโยงกับสื่อมวลชนและประชาชน แต่กลับมีอำนาจในการคัดเลือก
จึงมีขอเรียกร้องร่วมกันดังต่อไปนี้
1.ขอให้รัฐสภา ตลอดจนผู้เกี่ยวข้อง ชะลอกระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายออกไปก่อน
2.ขอให้องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนในฐานะผู้ที่มีส่วนร่วมในการยกร่างกฎหมายฉบับนี้ จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นอย่างทั่วถึงและรอบด้าน จากสื่อมวลชนที่มีสังกัดและสื่อภาคพลเมือง ทั้งระดับบริหารและระดับปฏิบัติการ รวมถึงประชาชนทั่วไป ว่าจำเป็นจะต้องมีร่างกฎหมายเช่นนี้ออกมาหรือไม่ พร้อมจัดทำข้อคำนึงของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อเป็นประโยชน์ในการพิจารณาตามกระบวนการรัฐสภาต่อไป
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์  กล่าวภายหลังการรับยื่นหนังสือว่า คณะ กมธ. มีความห่วงใยต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนและเสรีภาพในการเสนอข่าวของสื่อมวลชน ดังนั้น คณะ กมธ.จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมในวันพรุ่งนี้  เพื่อขอมติในการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมชี้แจงต่อคณะ กมธ.
download download Download all images download
ถ่ายทอดสดประชุมสภา
Flip E-book ระเบียบวาระการประชุมและเอกสารประกอบการพิจารณา
ระบบสืบค้นข้อมูลสาหรับการประชุมสภา (Android Version)
ขอเชิญสมาชิกตรวจสำเนารายงานการประชุม ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง)
ระบบฐานข้อมูลรายงานและบันทึกการประชุม
ระบบสารสนเทศด้านนิติบัญญัติ
ฐานข้อมูลวิชาการและกฎหมายของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา
รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐
บริการกฎหมาย
ระบบให้บริการข้อมูลทางกฎหมายแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา
รัฐสภาระหว่างประเทศ
ศูนย์ประชาคมอาเซียนของรัฐสภา
หอสมุดรัฐสภา
การสมัครเป็นสมาชิกกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทยระหว่างประเทศ
ระบบสมุดโทรศัพท์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร	สำหรับ iOS และ Android
สำนักงบประมาณของรัฐสภา
ทำเนียบสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 (E-Book)
คลิกดูข้อมูลเกี่ยวกับการรายงานตัว
กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
ระบบบริหารจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์
บริการสอบถามข้อมูล CALL CENTER 1743


 วีดิทัศน์


  • ประกวดนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาประชาธิปไตย ๒๕๖๔    download_icon

  • ๗๐ ปี แห่งสมาชิกภาพของรัฐสภาไทยในสหภาพรัฐสภา    download_icon

  • เล่าเรื่องในหลวง ร.๙ ภายใน ๒ นาที    download_icon

  • วีดิทัศน์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้า    download_icon

  • สารานุกรมฉบับเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนฯ    download_icon

 แสดงทั้งหมด...



สงวนลิขสิทธิ์โดย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๑๑๑๑ ถ.สามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐
Call Center ๑๗๔๓ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๐๐ โทรสาร ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๙๐
e-Mail : webmaster@parliament.go.th [คลิกดูแผนที่]
Share

View My Stats