|
|
ประธานรัฐสภา ร่วมประชุมหารือทวิภาคีกับ ประธานสภาแห่งชาติสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่
วันที่ 30 ส.ค. 2564
|
วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม 2564 เวลา 14.00 นาฬิกา ณ ห้องรับรองพิเศษ 208 ชั้น 2 โซนกลาง อาคารรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ร่วมประชุมหารือทวิภาคีกับ H.E. Mr. Vuong Dinh Hue (นายเวือง ดิ่งห์ เหวะ) ประธานสภาแห่งชาติสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ และเพื่อกระชับความสัมพันธ์รัฐสภาและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในด้านต่าง ๆ โดยมี นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดร.วิวัฒน์ มุ่งการดี ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นายคุณวุฒิ ตันตระกูล รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร น.ส.สตีจิตร ไตรพิบูลย์สุข ที่ปรึกษาด้านต่างประเทศ และ น.ส.อาจารี ศรีรัตนบัลล์ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมการหารือ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
ในการนี้ นายชวน หลีกภัย ได้กล่าวแสดงความยินดีแก่ นายเวือง ดิ่งห์ เหวะ ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาแห่งชาติ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และฝากแสดงความยินดีไปยัง นายเหวียน ฝู จ่อง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม นายเหวียน ซวน ฟุก ประธานาธิบดีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และนายฝ่าม มิงห์ จิงห์นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และยังได้แสดงความยินดีต่อความสำเร็จในการเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สมัยที่ 15 โดยรัฐสภาไทยพร้อมที่จะดำเนินความร่วมมือกับคณะผู้บริหารชุดใหม่ของสภาแห่งชาติเวียดนามอย่างใกล้ชิด
โอกาสนี้ นายชวน หลีกภัย ได้กล่าวถึง ขณะที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีโอกาสเดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามอย่างเป็นทางการ ได้พบกับบุคลสำคัญหลายท่าน ถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศที่มีมาอย่างยาวนาน โดยการจัดตั้งกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย เวียดนาม ในปี 2537 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นเวลากว่า 27 ปี เป็นการย้ำชัดถึงมิตรภาพระหว่างสองประเทศได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ การจัดตั้งกลุ่มมิตรภาพฯ ขึ้นเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคีระหว่างสมาชิกรัฐสภาไทยกับสมาชิกรัฐสภาเวียดนาม โดยในปัจจุบัน สมาชิกกลุ่มมิตรภาพฯ ไทย-เวียดนาม มีจำนวนทั้งหมด 89 คน ที่ร่วมสนับสนุนและผลักดันให้มีความร่วมมือด้านนิติบัญญัติระหว่างไทยและเวียดนามมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นพ้องร่วมกันว่าควรสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนของฝ่ายนิติบัญญัติระหว่างกันมากขึ้น ภายหลังสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ เพื่อเป็นการส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ นายชวน หลีกภัย ได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับความร่วมมือในการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พร้อมทั้ง กล่าวชื่นชมสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามที่สามารถรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีจนสามารถผลิตวัคซีนเองได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ สำหรับในประเทศไทย ได้จัดตั้งศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาวัคซีนต้านเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งหากสามารถพัฒนาได้จนสำเร็จจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านได้เป็นอย่างมาก
ด้าน ประธานสภาแห่งชาติ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ได้กล่าวว่า ประเทศไทยและประเทศเวียดนามมีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ทั้งด้านการเมือง การทหารและความมั่นคง การค้า การลงทุน ด้านประมง แรงงาน พลังงาน การท่องเที่ยว ความร่วมมือด้านวิชาการความร่วมมือเพื่อการพัฒนา รวมทั้งความร่วมมือในภูมิภาคในกรอบพหุภาคี และส่งเสริมกันและกันในเวทีระหว่างประเทศ การพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ผ่านมาอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันในเชิงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ โดยยกระดับความสัมพันธ์เป็น หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็ง (Strengthened Strategic Partnership) มาตั้งแต่ปี 2562 และคาดหวังว่าประเทศไทยและประเทศเวียดนามจะมีความร่วมมือที่ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น
|
|
|
สงวนลิขสิทธิ์โดย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๑๑๑๑ ถ.สามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐
Call Center ๑๗๔๓ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๐๐ โทรสาร ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๙๐
e-Mail : webmaster@parliament.go.th [ คลิกดูแผนที่]
|
|
|
|